Hospital Hotline

02-118-7893

  เปลี่ยนภาษา
English ภาษาไทย 中文(简体)

บทความสุขภาพ

ต้อเนื้อ (Pterygium) สาเหตุ อาการ วิธีรักษา ก่อนสายเกินแก้

ต้อเนื้อ คือ pterygium คืออะไร รักษาต้อเนื้อ แบบโบราณได้ไหม อันตรายไหม เกิดจากอะไร วิธีรักษา ยารักษา ลอกต้อเนื้อทำอย่างไร รักษาต้อเนื้อ อาการ ต่างจากต้อลมอย่างไร ยาหยอดตา รักษาหาย ไหม เป็นต้อเนื้อทําเลสิคได้ ไหม รักษาโดยไม่ต้องผ่าตัด


“ต้อเนื้อ” เป็นโรคต้อชนิดหนึ่งที่คนไทยเป็นกันมาก โดยเฉพาะให้ผู้ที่ทำงานกลางแจ้งวัย 40 ปีขึ้นไป โรคต้ออาจไม่ได้มีผลกับการมองเห็นหรือการใช้ชีวิตอะไร เพียงแต่ทำให้รู้สึกรำคาญได้มากจากการระคายเคืองบริเวณที่เป็นต้อ

แต่โรคต้อก็ไม่ใช่ปัญหาที่ควรมองข้าม เพราะหากปล่อยไว้อาจจะทำให้ตามัว สายตาเอียง หรือสูญเสียการมองเห็นไปชั่วคราวได้

 


สารบัญบทความ
 

 

 


 

ต้อเนื้อ (Pterygium)

ต้อเนื้อ คือ pterygium คืออะไร เกิดจากอะไร ต่างจากต้อลมอย่างไร
 
ต้อเนื้อ (Pterygium) คือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตา เป็นหนึ่งในโรคต้อทั้ง 4 โรค ซึ่งได้แก่ ต้อเนื้อ ต้อลม ต้อหิน และต้อกระจก ต้อเนื้อเป็นโรคที่สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง และมีอายุมากกว่า 40 ปี

ต้อเนื้อเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเยื่อบุตาขาว จนทำให้เนื้อเยื่อบางส่วนพัฒนาอย่างผิดปกติ เกิดเป็นพังผืดสีขาวเหลืองหรือสีชมพูอ่อน รูปทรงสามเหลี่ยมปรากฎขึ้นบริเวณตาขาว เมื่อก้อนต้อขยายขึ้นเรื่อยๆจะค่อยๆงอกเข้าไปบริเวณตาดำจนบดบังการมองเห็น ทำให้มีโอกาสสูญเสียการมองเห็นชั่วคราวในที่สุด

แต่ต้อเนื้อไม่ใช่โรคอันตรายอะไร เป็นโรคที่ทำให้เกิดความรำคาญเท่านั้น ทั้งยังรักษาให้หายขาดได้ และแม้จะเป็นมากจนก้อนต้อเข้าไปบดบังรูม่านตาจนสูญเสียการมองเห็น ก็ยังสามารถรักษาโดยการผ่าตัดลอกต้อเนื้อให้กลับมามองเห็นได้ดังเดิม
 

เปรียบเทียบระหว่าง ต้อเนื้อ กับ ต้อลม 

ต้อลม (Pinguecula) เกิดจากความเสื่อมของเยื่อบุตาขาวเช่นเดียวกันกับต้อเนื้อ อีกทั้งอาการและวิธีรักษาก็เหมือนกัน โรคต้อเนื้อและต้อลมแตกต่างกันเพียงลักษณะของก้อนต้อ และความรุนแรงของอาการ

เมื่อเยื่อบุตาขาวเสื่อมในระยะแรก จะเกิดก้อนนูนสีขาวเหลืองขึ้นที่บริเวณหัวตาหรือหางตา หรือทั้งสองตำแหน่ง ในระยะนี้จะเรียกต้อดังกล่าวว่าต้อลม ต้อลมจะทำให้ผู้ป่วยเจ็บและคันที่ดวงตา น้ำตาไหล หากขยี้ตาอาจเกิดการอักเสบ

เมื่อก้อนต้อนี้พัฒนาขึ้น เริ่มขยายใหญ่ ล้ำเข้าไปในบริเวณตาดำ มีเส้นเลือดเลี้ยงก้อนต้อ ในระยะนี้จะเรียกต้อดังกล่าวว่าเป็นต้อเนื้อ อาการของต้อเนื้อจะทำให้เกิดการระคายเคืองที่ดวงตามากกว่าต้อลม และทำให้เกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าเดิมอีกด้วย

 


 

ต้อเนื้อเกิดจากสาเหตุใด

ต้อเนื้อ เกิดจากเส้นใยคอลลาเจนในเยื่อบุตาขาวเสื่อมสภาพ จนทำให้เกิดเป็นก้อนต้อ เมื่อก้อนต้อขยายขนาดขึ้นเรื่อยๆจะกลายเป็นต้อเนื้อในที่สุด

ในปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสาเหตุที่ทำให้เส้นใยคอลลาเจนในเยื่อบุตาขาวเสื่อมคืออะไร แต่การแพทย์ปัจจุบันคาดว่าเกิดจากตัวกระตุ้นบางอย่าง เช่น ลมร้อน ลมแห้ง ฝุ่นควัน มลภาวะ และรังสียูวี

โดยตัวกระตุ้นดังกล่าวจะไปรบกวนเซลล์ต้นกำเนิด เมื่อเซลล์ต้นกำเนิดถูกรบกวนจะทำให้เซลล์นั้นพัฒนาเป็นเยื่อบุตาขาวที่ผิดปกติ เกิดเป็นก้อนต้อที่ดวงตา หากดวงตาได้รับตัวกระตุ้นดังกล่าวเรื่อยๆเซลล์ต้นกำเนิดก็จะถูกรบกวนเรื่อยๆ จากก้อนต้อลมเล็กๆ ก็จะขยายตัวขึ้นจนเกิดเป็นพังผืดต้อเนื้อนั่นเอง

 


 

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดต้อเนื้อ

  • ดวงตาสัมผัสกับฝุ่นควัน มลภาวะ ลมร้อน ลมแห้ง รังสียูวี มากกว่าปกติ
  • ใช้สายตามากเกินไป เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ หรือใช้โทรศัพท์เป็นเวลานาน
  • ดวงตาสัมผัสกับสารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองเป็นเวลานาน
  • ดวงตาแห้ง ระคายเคืองบ่อยอยู่ก่อนแล้ว
  • คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคต้อเนื้อ
  • เป็นโรคเบาหวาน

 


 

อาการของโรคต้อเนื้อ

ต้อเนื้อ อันตรายไหม อาการเป็นอย่างไร


ต้อเนื้อ อาการของโรคสามารถมองเห็นได้จากภายนอก ผู้ป่วยจะมีก้อนต้ออยู่ที่บริเวณหางตาหรือหัวตา หรือมีอยู่ทั้งสองด้าน ส่วนใหญ่จะพบด้านเดียวที่ฝั่งหัวตา ก้อนต้อจะมีลักษณะเป็นพังผืดสีขาวเหลืองหรือสีชมพูอ่อนๆ มีเส้นเลือดฝอยกระจายอยุ่ทั่วทั้งพังผืด

ก้อนต้อนี้จะทำให้ผู้ป่วยต้อเนื้อมีอาการระคายเคืองตา เจ็บ คันตา เหมือนมีเม็ดทรายอยู่ในดวงตา ทำให้บริเวณที่เกิดต้อนั้นบวมและแดงขึ้นมา นอกจากนี้ อาการระคายเคืองยังกระตุ้นให้ผู้ป่วยขยื้ตา เมื่อขยี้ตาบ่อยๆจะทำให้ดวงตาอักเสบ บางครั้งอาจเกิดแผลในกระจกตาหรือทำให้เกิดการติดเชื้อที่ดวงตาได้
 

เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์

ผู้ป่วยต้อเนื้อควรพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติอื่นนอกจากการระคายเคือง เช่น เริ่มสายตาเอียง ภาพมัว หรือสูญเสียการมองเห็นเนื่องจากต้อเนื้อเริ่มยื่นเข้าไปในตาดำจบบังรูม่านตา 

หรือหากสายตายังปกติ แต่ดวงตาอักเสบบ่อยครั้ง เจ็บตาจนทนไม่ไหว มีปัญหากับการใช้ชีวิต ก็ควรพบแพทย์เพื่อรักษาให้หายขาด ป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่นๆที่อาจเกิดตามมาจากการขยี้ตาหรือตาอักเสบ

ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่ควรพบแพทย์คือช่วงเวลาที่รับรู้ว่าตนเองอาจจะเป็นต้อเนื้อ หากมีอาการของโรค หรือสังเกตุเห็นก้อนต้อที่ดวงตาก็สามารถพบแพทย์ได้เลย เพื่อทำการรักษาก่อนจะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อไป

 


 

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากโรคต้อเนื้อ

ต้อเนื้อ มีภาวะแทรกซ้อนคือทำให้สายตาเอียง ตามัว ตาพร่า สูญเสียการมองเห็น และเป็นแผลที่กระจกตา

ภาวะแทรกซ้อนของโรคต้อเนื้อจะเป็นการมองเห็นที่ผิดปกติอันเกิดจากก้อนต้อเข้าไปบังรูม่านตา โดยปกติแล้วเราจะรับภาพจากการให้แสงผ่านรูม่านตาเข้าไปกระทบที่จอประสาทตา หากก้อนต้อบังที่ม่านตาจะทำให้ภาพเริ่มขุ่นมัว และสูญเสียการมองเห็นในที่สุด

นอกจากนี้ ก้อนต้อยังไปจำกัดการเคลื่อนไหวของลูกตา ดึงรั้งตาจนทำให้เกิดอาการสายตาเอียงด้วย

ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อยอีกอย่างคือการเป็นแผลที่กระจกตา มักเกิดจากการขยี้ตามากเกินไป หากเป็นแผลที่กระจกตาจะต้องรักษา หากทิ้งไว้อาจจะทำให้การมองเห็นไม่ดีอย่างเดิม หรืออาจจะเกิดการติดเชื้อที่แผลจนเป็นหนองในตาได้

 


 

การตรวจวินิจฉัยโรคต้อเนื้อ

โรคต้อเนื้อเป็นโรคที่สามารถเห็นก้อนต้อได้ง่ายด้วยตาเปล่า แพทย์จะวินิจฉัยจากการตรวจดวงตาเป็นหลัก ทั้งการดูด้วยตาเปล่าและการตรวจด้วยเครื่องมือตรวจโรคตา

นอกจากนี้แพทย์จะซักประวัติเพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรค อย่างการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ทำงานหน้าจอ หรือสัมผัสสารเคมีเป็นเวลานานโดยไม่ได้มีเครื่องป้องกัน หรือหากมีผู้ป่วยโรคต้อเนื้อในครอบครัว ผู้ป่วยก็อาจจะได้รับโรคต้อเนื้อมาทางพันธุกรรมได้เช่นกัน

 


 

วิธีรักษาโรคต้อเนื้อ

วิธีรักษาต้อเนื้อ มีด้วยกัน 2 วิธี คือการใช้ยารักษาต้อเนื้อ และการผ่าตัดต้อเนื้อ
 

1. รักษาต้อเนื้อด้วยการใช้ยา 

การรักษาต้อเนื้อด้วยยาหยอดตาต้อเนื้อ เป็นเพียงการลดการระคายเคืองที่ดวงตาด้วยการใช้ขี้ผึ้งหรือน้ำตาเทียม หรือรักษาโดยการควบคุมการอักเสบด้วยยาหยอดตาสเตียรอยด์เท่านั้น 

ในปัจจุบันยังไม่มียาหยอดตารักษาต้อเนื้อใดที่สามารถทำให้ก้อนพังผืดต้อเนื้อหายไปได้ การรักษาต้อเนื้อโดยการใช้ยาจึงไม่สามารถรักษาต้อเนื้อให้หายขาดได้ เป็นเพียงการทำให้อาการระคายเคืองดีขึ้นเท่านั้น
 

2. ผ่าตัดรักษาต้อเนื้อ

การผ่าตัดรักษาต้อเนื้อหรือการลอกต้อเนื้อ คือการผ่าตัดเพื่อนำก้อนต้อออกจากดวงตา เป็นวิธีการรักษาต้อเนื้อเพียงวิธีเดียวที่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ โดยการผ่าตัดรักษาต้อเนื้อมีด้วยกันทั้งหมด 2 วิธี คือ

1. ผ่าตัดลอกต้อเนื้อแบบปกติ

การผ่าตัดลอกต้อเนื้อแบบปกติ จะเป็นการผ่าตัดเพื่อเอาต้อเนื้อที่เป็นเยื่อบุตาขาวส่วนที่ผิดปกติออกไปและไม่ได้มีการเย็บเยื่อบุตาขาวส่วนอื่นๆให้ติดกัน การผ่าตัดแบบนี้มีข้อดีคือสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว และถึงแม้จะไม่มีการเย็บปิดแผล ร่างกายก็ยังคงสร้างเยื่อบุตาขาวขึ้นมาแทนส่วนที่ถูกตัดออกไปได้อยู่ดี

ส่วนข้อเสียของวิธีการนี้คือมีโอกาสที่เนื้อเยื่อที่งอกขึ้นใหม่จะกลับมาเป็นต้อเนื้อซ้ำได้มากถึง 40 - 50% เลยทีเดียว

2. ผ่าตัดลอกต้อเนื้อพร้อมปลูกเนื้อเยื่อ

การผ่าตัดลอกต้อเนื้อพร้อมปลูกเนื้อเยื่อ เป็นการผ่าตัดเอาต้อเนื้อออก โดยแพทย์จะนำเยื่อบุตาขาวในส่วนอื่นๆมาเย็บปิดที่แผล หรือนำเนื้อเยื่อรกมาปลูกถ่ายลงไปแทนที่ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดซ้ำ และทำให้แผลจากการผ่าตัดหายได้เร็วขึ้น

ข้อดีของการผ่าตัดพร้อมปลูกเนื้อเยื่อคือ ความเสี่ยงที่ต้อเนื้อจะเกิดซ้ำลดลงเหลือเพียง 5 - 10% เท่านั้น อีกทั้งแผลจากการผ่าตัดจะหายเร็วกว่า ส่วนข้อเสียคือหลังผ่าตัดผู้เข้ารับการรักษาจะรู้สึกระคายเคืองมากกว่าแบบแรก เนื่องจากไหมเย็บเยื่อบุตาขาวก่อให้เกิดความรู้สึกระคายเคืองได้มากนั่นเอง

 


 

ข้อปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคต้อเนื้อ

ผู้ที่เป็นต้อเนื้อควรใส่แว่นกันแดดกันลมทุกครั้งเมื่ออยู่ในที่แจ้ง

ผู้ป่วยโรคต้อเนื้อควรหลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นที่ทำให้เยื่อบุตาขาวเสื่อม โดยการหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง เพื่อป้องกันดวงตาจากฝุ่น ควัน ลม และแสงแดดที่มีรังสียูวี หากจำเป็นต้องอยู่ในที่โล่งแจ้ง ควรใส่แว่นกันแดดกันลมเพื่อป้องกันดวงตา ไม่ให้ต้อเนื้อถูกกระตุ้นให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม

นอกจากการหลีกเลี่ยงที่แจ้งแล้ว หากจำเป็นต้องทำงานที่อยู่กับแสงยูวี หรือสารเคมีที่ทำให้เคืองตามาก ควรสวมเครื่องป้องกันทุกครั้ง หากทำงานที่ต้องใช้สายตามากๆก็ต้องพักสายตา เพื่อป้องกันไม่ให้ต้อเนื้อขยายขึ้น และป้องการเกิดโรคอื่นๆที่ดวงตาด้วย

ส่วนเรื่องการระคายเคืองอย่างต่อเนื่องจากต้อเนื้อ ผู้ป่วยควรใช้ยาหยอดตาหรือขี้ผึ้งเป็นประจำตามคำสั่งของแพทย์ เพราะหากปล่อยไว้ให้ระคายเคืองมากนอกจากจะสร้างความรำคาญแล้ว ผู้ป่วยยังมีโอกาสที่จะขยี้ตาโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการขยี้ตาก็เป็นต้นเหตุทำให้ตาอักเสบและเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆตามมา

หากแพทย์ให้ใช้ยาหยอดตาสเตียรอยด์ ให้ใช้ในระยะเวลาที่แพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่านั้น หรือซื้อยามาใช้เอง เนื่องจากยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์อาจทำให้เกิดต้อหินที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

 


 

แนวทางป้องกันโรคต้อเนื้อ

การป้องกันโรคต้อเนื้อที่ดีคือการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นให้เยื่อบุตาขาวอักเสบ และไม่ปล่อยให้ดวงตาแห้งหรือระคายเคืองอยู่บ่อยครั้ง โดยวิธีการป้องกันโรคต้อเนื้อ มีดังนี้
 

  1. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง หากจำเป็นควรสวมแว่นกันแดดกันลม เพื่อป้องกันดวงตาให้ได้มากที่สุด
  2. หากตาล้าหรือตาแห้งระหว่างวัน ให้พักสายตาโดยการหลับตา หรือเปลี่ยนระยะการมองบ่อยๆ
  3. หากระคายเคืองตาจากตาแห้ง ให้ใช้น้ำตาเทียมได้ ซึ่งการเลือกใช้น้ำตาเทียมควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรก่อนการใช้ ไม่ควรใช้น้ำตาเทียมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เพื่อป้องกันการเกิดต้อหิน
  4. สังเกตดวงตาภายนอก และการมองเห็นของตนเองอยู่เสมอ หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบเข้าพบจักษุแพทย์
  5. หากเกิดโรคต้อเนื้อขึ้นแล้วให้มาพบแพทย์ ไม่ควรรักษาด้วยการรักษาต้อเนื้อแบบโบราณ ห้ามนำสิ่งแปลกปลอม สมุนไพร หรือยาที่ใช้ในส่วนอื่นๆที่ไม่ใช้ดวงตามาหยอดตาโดยเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อจนสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้

 


 

รักษาต้อเนื้อ ที่ไหนดี

การรักษาต้อเนื้อ โดยเฉพาะการผ่าตัดลอกต้อเนื้อเป็นการผ่าตัดที่ต้องทำโดยแพทย์ที่ชำนาญ ทั้งยังเป็นการผ่าตัดที่จะไม่ใช้ยาสลบ ทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้ตัวอยู่ตลอดการผ่าตัด หากทำกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญ หรือแพทย์ที่ผู้เข้ารับการรักษาไม่ได้รู้สึกไว้วางใจ อาจจะทำให้เกิดภาวะเครียดได้มากขณะผ่าตัด 

ดังนั้นต้อเนื้อควรรักษากับโรงพยาบาลที่ผู้เข้ารับการรักษาไว้วางใจ และมีจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการดูแลผู้เข้ารับการรักษาตั้งแต่ต้นจนจบการรักษา

ที่โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เราให้ความสำคัญกับการบริการ ดูแลคนไข้เหมือนเป็นเพื่อนบ้านของเรา เรารักษาต้อเนื้อโดยจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการในทุกขั้นตอน เพื่อให้คนไข้ไว้วางใจได้ในระหว่างการรักษา

 


 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคต้อเนื้อ

ต้อเนื้อรักษาหายขาดไหม  

ผู้ป่วยมักกังวลว่าเป็นต้อเนื้อรักษาหายไหม เนื่องจากไม่มียาที่ทำให้ต้อเนื้อหายไปได้เลย คำตอบคือต้อเนื้อนั้นสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดต้อเนื้อนั้นไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่อะไร เป็นเพียงการนำเยื่อบุตาขาวชั้นบนออกไปบางส่วนเท่านั้น

หากเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดแล้ว ก็จะสามารถรักษาต้อเนื้อให้หายขาดได้ และในปัจจุบันยังมีการผ่าตัดแบบปลูกเนื้อเยื่อ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดต้อเนื้อซ้ำได้มากด้วย ต้อเนื้อในผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงสามารถรักษาให้หายขาดได้โดยไม่กลับมาเป็นอีก
 

ต้อเนื้ออันตรายไหม

ต้อเนื้อไม่ใช่โรคอันตราย แม้จะทำให้ตามัว สายตาเอียง หรือสูญเสียการมองเห็น แต่เมื่อรักษาด้วยการผ่าตัดต้อเนื้อแล้ว ดวงตาก็จะกลับมามองเห็นอย่างปกติดังเดิม เพราะเป็นโรคที่รักษาได้ ทั้งยังไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างถาวร หากเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีโรคต้อเนื้อก็จะไม่ใช่โรคที่อันตรายแต่อย่างใด
 

เป็นต้อเนื้อทําเลสิคได้ ชไหม

ผู้ที่เป็นโรคต้อเนื้อสามารถทำเลสิค (LASIK) ได้ ผู้ป่วยโรคต้อเนื้อต้องผ่าตัดลอกต้อเนื้อออกก่อน เมื่อหายดีแล้วจึงสามารถทำเลสิคได้ ทั้งนี้ผู้ที่สนใจจำเป็นต้องเข้าปรึกษาและได้รับการรับรองจากจักษุแพทย์ก่อนว่าสามารถทำเลสิคได้
 

รักษาต้อเนื้อโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำได้หรือไม่

รักษาต้อเนื้อโดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถทำได้ แต่จะไม่หายขาด การรักษาโรคต้อเนื้อโดยการใช้ยาเป็นการควบคุมอาการระคายเคืองและอาการอักเสบ ซึ่งเป็นอาการของโรคต้อเนื้อเท่านั้น ไม่สามารถทำให้ก้อนต้อหายไปได้ หากต้องการให้ก้อนต้อหายไปหรือการระคายเคืองหายขาด จำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัดลอกต้อเนื้อเท่านั้น

 


 

ข้อสรุป

โรคต้อเนื้อไม่ใช่โรคอันตราย สามารถรักษาให้หายขาดได้โดยการผ่าตัด การผ่าตัดต้อเนื้อก็ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ที่น่ากลัวอะไร เป็นเพียงการผ่าตัดเล็กๆที่ใช้เวลาเพียง 10 - 30 นาทีเท่านั้น และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นแต่อย่างใด 
 

ดังนั้นหากรู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคต้อเนื้อให้เข้ารับการรักษาที่ถูกวิธีจากแพทย์ ไม่ควรซื้อยาหรือนำสิ่งแปลกปลอมมาหยอดตาด้วยตัวเอง เนื่องจากอาจจะทำให้ติดเชื้อหรือกลายเป็นโรคต้อหินที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้
 

เป็นต้อเนื้อ หรือสงสัยว่าอาจจะเป็นต้อเนื้อ สามารถติดต่อสอบถาม หรือนัดเวลากับจักษุแพทย์จากทางโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ได้ที่ Line @samitivejchinatown

 

แอดไลน์ สมิติเวช ไชน่าทาวน์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม