โรคต้อหิน คือโรคที่เกิดขึ้นได้กับดวงตาโดยเฉพาะกับผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยทองและผู้สูงอายุ ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเป็นโรคต้อหิน เนื่องจากไม่สามารถสังเกตเห็นได้จากภายนอกเลย รู้ตัวอีกทีผู้ป่วยก็มักจะสูญเสียการมองเห็นไปเกือบทั้งหมดแล้ว
แม้จะทำให้สูญเสียการมองเห็นได้ แต่โรคต้อหินไม่ใช่โรคอันตรายหากพบเร็วสามารถควบคุมอาการได้ และใช้ชีวิตได้ตามปกติ อีกทั้งยังสามารถป้องกันโรคได้ด้วยการลดปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคด้วย แต่ต้อหินคืออะไร? รักษาหายไหม? อันตรายหรือเปล่า? สามารถป้องกันได้อย่างไร?
ต้อหิน หรือ Glaucoma คือความผิดปกติหนึ่งที่เกิดกับดวงตา คนไทยเราจะเรียกรวมโรคเกี่ยวกับดวงตาว่าเป็นโรคต้อ โดยโรคต้อนี้มีด้วยกัน 4 โรค ได้แก่ ต้อหิน ต้อลม ต้อเนื้อ และต้อกระจก แต่ละโรคจะมีสาเหตุของโรค อาการ วิธีการรักษา และความรุนแรงที่แตกต่างกันไป
โดยต้อหินนี้ นับว่าเป็นโรคต้อที่รุนแรงมากที่สุด เนื่องจากเป็นโรคเดียวที่ไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด และสามารถทำให้ตาบอดได้อย่างถาวรหากไม่รักษา
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ต้อหินเกิดจากอะไร โดยต้อหิน เกิดจากเซลล์เส้นใยประสาทในลูกตาลดจำนวนลง จนทำให้ขั้วประสาทตา หรือ Optic disc เสื่อมสภาพลง
โดยปกติแล้วใยประสาทเหล่านี้จะทำหน้าที่รับภาพ และส่งสัญญาณประสาทไปที่สมองเพื่อให้สมองแปลงกระแสประสาทออกมาเป็นภาพ ถ้าเส้นประสาทเหล่านี้ลดลง ภาพที่ส่งไปยังสมองได้ก็จะมีขอบเขตน้อยลง ทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคต้อหินส่วนใหญ่จะเริ่มจากการมองไม่เห็นภาพด้านข้าง ด้านบน ด้านล่าง และบีบเข้ามาเรื่อยๆ แต่ยังเห็นภาพตรงกลางชัดตามปกติ
ซึ่งการที่ผู้ป่วยโรคต้อหินจะยังเห็นภาพตรงกลางสายตาชัดเจนตามปกติ ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเป็นโรคต้อหิน และมาพบแพทย์เมื่อเริ่มมองไม่เห็นภาพกลางสายตาแล้ว หรืออาจจะมีอาการที่คิดว่าเป็นสายตายาวหรือสายตามัว ก็อาจจะเกิดการชะล่าใจทำให้เข้ารับการรักษาที่ช้าเกินไป หรือบางรายอาจจะเป็นจอประสาทตาเสื่อมก็เป็นได้
อาการขั้วประสาทตาเสื่อมสาเหตุของโรคต้อหิน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นเองจากการที่อวัยวะต่างๆเริ่มเสื่อมสภาพเมื่ออายุมากขึ้น อีกสาเหตุหนึ่งที่พบได้และเป็นสาเหตุที่สามารถควบคุมได้คือความดันในลูกตาสูงกว่าปกติ (สูงกว่า 22 มิลลิเมตรปรอท) เมื่อความดันสูง ความดันจะไปกดทับจอประสาทตาทำให้เส้นใยประสาทได้รับผลกระทบและเสื่อมสภาพลง
ความดันลูกตาสูงเกิดจากอะไร? โดยปกติแล้วน้ำในตาจะถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวลำเลียงสารอาหารภายในลูกตา และลำเลียงของเสียออกจากลูกตา โดยน้ำจะไหลออกจากดวงตาผ่านทางช่องระหว่างเลนส์ตาและม่านตามาที่ชั้นหลังกระจกตา แล้วจึงระบายน้ำออกที่ช่องระบายน้ำระหว่างรอยต่อของกระจกตาดำและตาขาว
หากช่องระบายน้ำในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งถูกปิด น้ำจะขังอยู่ในลูกตา ในขณะเดียวกันลูกตาก็ยังคงสร้างน้ำในดวงตาต่อไป ทำให้น้ำในตามากเกินไปจนความดันลูกตาสูงขึ้น เหมือนลูกโป่งที่ถูกเติมน้ำไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจุดหนึ่งความดันนี้จะไปดันเนื้อเยื่อจนกดทับเส้นประสาท ทำให้เส้นประสาทถูกทำลาย ขั้วประสาทตาเสื่อม เกิดเป็นโรคต้อหินนั้นเอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคต้อหินส่วนใหญ่ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ดวงตาเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับระบบหมุนเวียนของน้ำในลูกตา เช่น อายุมาก เคยเกิดโรค เกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา หรือมีพ่อแม่ ญาติพี่น้องที่เคยเป็นโรคต้อหิน
ต้อหินมีโอกาสส่งต่อผ่านพันธุกรรมได้ ถ้ามีคนในครอบครัวเป็นต้อหิน คนในครอบครัวเดียวกันก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต้อหินเพิ่มขึ้น 4 - 5 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคต้อหิน
ชนิดของต้อหิน จะแบ่งออกตามลักษณะของสาเหตุการเกิดโรค โดยจะแบ่งเป็น 2 ชนิดหลัก ได้แก่ต้อหินปฐมภูมิ และต้อหินทุติยภูมิ
ต้อหินปฐมภูมิ เป็นต้อหินที่เกิดขึ้นเองในร่างกายโดยไม่ได้มีสิ่งเร้ามากระตุ้นให้เกิดโรค มีทั้งชนิดที่ขั้วประสาทตาเสื่อมเองจึงตรวจไม่พบความดันในลูกตาสูง และชนิดที่เกิดจากระบบระบายน้ำในลูกตาอุดตัน ทำให้ความดันลูกตาสูงจนขั้วประสาทตาเสื่อม
โดยโรคต้อหินที่เกิดจากระบบระบายน้ำในลูกตาอุดตันนี้ สามารถแบ่งออกได้ 2 เภทตามลักษณะการอุดตันของทางระบายน้ำ ได้แก่ ต้อหินมุมเปิด และต้อหินมุมปิด
มุมเปิดหรือมุมปิด หมายถึงอะไร? ดวงตาโดยปกติมุมระหว่างม่านตากับกระจกตาจะเป็นมุมเปิด แต่ในต้อหินบางกรณี ม่านตา (Iris) จะถูกดันให้ยกสูงขึ้นจนเกิดเป็นมุมปิดที่มุมระหว่างม่านตากับกระจกตานั่นเอง
ต้อหินมุมเปิด เป็นต้อหินที่เกิดจากการอุดตันบริเวณรูระบายน้ำออกนอกดวงตาที่อยู่ระหว่างกระจกตาดำและตาขาว รูระบายน้ำดังกล่าว เรียกว่า Trabecular meshwork มีลักษณะเป็นตัวกรอง เมื่อมีเนื้อเยื่อ หรือวัตถุขนาดเล็กไปอุดตัน จะทำให้น้ำไหลออกจากลูกตาไม่ได้จนความดันลูกตาสูงขึ้น เกิดเป็นต้อหินโดยที่ม่านตาไม่ได้ยกตัวขึ้นจนเกิดเป็นมุมปิดแต่อย่างใด
ต้อหินมุมเปิดอาการจะค่อยเป็นค่อยไป การมองเห็นของผู้ป่วยจะค่อยๆแคบเข้าอย่างช้าๆ หากไม่รักษาจะทำให้ตาบอดในที่สุด ต้อหินมุมเปิดที่เกิดจากการอุดตันของทางระบายน้ำ สามารถรักษาการอุดตันได้ด้วยการหยอดตา แม้จะไม่ได้ทำให้การมองเห็นกลับมาเป็นปกติ แต่จะไม่ทำให้ขั้วประสาทตาเสื่อมมากขึ้น การมองเห็นจะไม่แคบลงไป
ต้อหินมุมปิด เกิดจากม่านตาถูกดันให้ยกตัวขึ้นจนเป็นมุมปิด กั้นไม่ให้น้ำระบายออกทาง Trabecular meshwork จนทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้นและเกิดเป็นโรคต้อหินในที่สุด โดยต้อหินมุมปิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ ตามความฉุกเฉินของอาการ ได้แก่
ต้อหินทุติยภูมิ เป็นต้อหินที่เกิดจากการกระตุ้นบางอย่าง ทำให้ขั้วประสาทตาเสื่อม ความดันลูกตาสูง หรือเกิดปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เกิดต้อหิน
ตัวอย่างของสิ่งกระตุ้น เช่น เคยประสบอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา เศษหิน หรือวัตถุอื่นๆเข้าตา รุนแรงจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ตาอักเสบ มีเนื้องอกในดวงตา เป็นต้อกระจกในขั้นรุนแรง เบาหวานขึ้นตา หรือเคยซื้อยาหยอดตามาใช้เองติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยเฉพาะยาหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
ต้อหินทุติยภูมิจะถูกเรียกว่าเป็นต้อหินชนิดแทรกซ้อน เนื่องจากมักเกิดตามมาจากโรงทางดวงตาอื่นๆ หรือเกิดหลังการผ่าตัดนั่นเอง
ต้อหินโดยกำเนิด สามารถแสดงอาการได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยจะเกิดจากความผิดปกติของดวงตาตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ โรคต้อหินโดยกำเนิดเป็นโรคที่เกี่ยวกับพันธุกรรมเป็นหลัก โดยยีนที่ทำให้เกิดโรคจะเป็นยีนด้อย ลูกจะเกิดโรคนี้ขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะ แต่จะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เพียง 25% เท่านั้น
ทั้งนี้อาการของโรคต้อหินโดยกำเนิดสามารถสังเกตได้จากทั้งร่างกายและพฤติกรรมของทารกหรือเด็กเล็ก ดังนี้
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพาไปพบแพทย์ หากทิ้งไว้อาจทำให้ตาบอดอย่างถาวรได้
โรคต้อหิน อาการจะสังเกตค่อนข้างยากหากไม่ใช่โรคต้อหินเฉียบพลัน อาการของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป ผู้ป่วยจะสูญเสียการมองเห็นเรื่อยๆ จากด้านนอกเข้าสู่ด้านใน ผู้ป่วยบางรายอาจจะปวดหัว หรือปวดตาร่วมด้วย เป็นๆหายๆในระยะเวลานาน หรือบางรายก็ไม่เกิดอาการอื่นขึ้นเลย
อาการของโรคต้อหินอาจค่อยๆแสดงออกกินเวลานานถึง 5 - 10 ปีกว่าจะสูญเสียการมองเห็นไป ทำให้ผู้ป่วยไม่ทันสังเกตว่าสายตากำลังมีปัญหา ดังนั้นผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปควรเข้าตรวจสายตาทุกปี เพราะหากพบว่าเป็นต้อหินได้เร็ว ก็สามารถควบคุมอาการได้เร็ว โอกาสสูญเสียการมองเห็นก็จะน้อยลงอย่างมาก
วิธีสังเกตอาการของต้อหินด้วยตนเองจะเป็นการตรวจลานสายตาคร่าวๆ โดยการใช้มือปิดตาข้างหนึ่ง เพื่อตรวจดูการมองเห็นทีละข้าง จะเช็คด้วยการให้มองรอบๆ บน ล่าง ซ้าย ขวา สังเกตว่าขอบเขตในการมองเห็นน้อยลง หรือน้อยกว่าคนทั่วไปหรือไม่ หากเกิดอาการดังกล่าวแสดงว่ามีโอกาสที่จะเป็นต้อหิน ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโดยละเอียดอีกครั้ง
อาการของโรคต้อหินเฉียบพลันจะต่างจากต้อหินชนิดอื่นๆ เนื่องจากความดันในลูกตาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่ายกายได้รับผลกระทบอย่างฉับพลัน ร่ายกายจึงแสดงอาการของโรคอย่างชัดเจน โดยอาการของโรคต้อหินเฉียบพลันมีดังนี้
หากมีอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์โดยด่วย เพราะอาจจะทำให้สูญเสียการมองเห็นได้เร็วกว่าต้อหินแบบอื่นๆ
โรคต้อหินเป็นกลุ่มอาการทางดวงตาที่สามารถนำไปสู่การทำลายเส้นประสาทตาได้ และถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ โดยไม่ได้รับการรักษา ก็อาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด แม้ว่า เราจะยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่นอนที่ทำให้เกิดการตอบอดได้ แต่ก็อาจจะเกิดได้จากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น
ดังนั้น เราควรเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เมื่อมีอาการ เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ด้วยการตรวจตาเป็นประจำ รวมถึงการวัดค่า IOP การประเมินเส้นประสาทตา และการทดสอบลานสายตา ก็จะสามารถช่วยตรวจหาโรคต้อหินได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม
การตรวจวินิจฉัยต้อหินมีตั้งแต่การตรวจในเบื้องต้น ทั้งการตรวจการมองเห็นทั่วไปด้วยการวัดสายตา รวมถึงการซักประวัติว่ามีผู้ป่วยโรคต้อหินในครอบครัวหรือไม่
แพทย์จะตรวจวัดลานสายตา เพื่อประเมินการทำงานของเส้นประสาทและจอประสาทตาโดยคร่าว และจะตรวจวัดดวงตาในด้านอื่นๆโดยละเอียดหากสงสัยว่าผู้ป่วยเป็นโรคต้อหิน อย่างการวัดความดันลูกตา ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญปัจจัยเดียวที่สามารถแก้ไขได้
รวมทั้งตรวจดูขั้วประสาท จอตา ดูการกระจายเส้นใยประสาทตา เพื่อสังเกตอาการ และตรวจมุมตาเพื่อหาทางแก้ไขโรคต่อไป
ทั้งนี้การวินิจฉัยว่าผู้ป่วยเป็นต้อหินหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ เนื่องจากต้องดูองค์ประกอบหลายอย่างประกอบกัน
ต้อหิน รักษาได้เพียงการลดความดันลูกตาเท่านั้น โดยการทำให้น้ำในลูกตาระบายออกได้ตามปกติ เพราะขั้วประสาทตาที่เสียไปแล้ว หรือค่อยๆเสียด้วยสาเหตุบางอย่างที่ไม่ใช้ความดันลูกตาสูง ไม่สามารถรักษาหรือแก้ไขให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก
การรักษาโรคต้อหินโดยการลดความดันลูกตา สามารถทำได้ 3 วิธี ได้แก่
ยารักษาต้อหินจะอยู่ในรูปของยาหยอดตา ยาหยอดตารักษาต้อหินจะช่วยลดการสร้างน้ำในลูกตา หรือช่วยให้น้ำในลูกตาระบายออกได้ดีขึ้น เพื่อลดความดันในลูกตา
ผู้ป่วยที่รักษาโรคต้อหินโดยการใช้ยาหยอดตาจำเป็นต้องมีวินัยในการใช้ยามาก เพราะต้องใช้ต่อเนื่องกันในระยะหนึ่ง แพทย์จะนัดติดตามผลเรื่อยๆ เพื่อดูอาการ และดูว่าเกิดภาวะแทรกซ้อนหรืออาการข้างเคียงหรือไม่ หากผลการรักษาไม่ดีขึ้น แพทย์จะพิจารณาให้รักษาด้วยการใช้เลเซอร์ร่วมด้วย
การรักษาต้อหินด้วยเลเซอร์นั้น มีผลในการควบคุมความดันลูกตา และช่วยให้ดวงตาระบายน้ำออกได้ดีขึ้น แพทย์จะให้ใช้การรักษาด้วยเลเซอร์ก็ต่อเมื่อการรักษาด้วยการหยอดยาอย่างเดียวไม่ได้ผล
แต่หลังทำเลเซอร์แล้วผู้ป่วยยังคงต้องหยอดตาต่อไป เนื่องจากในผู้ป่วยบางราย เลเซอร์จะไปกระตุ้นให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง แต่ผลการรักษาที่ผิดพลาดนี้สามารถป้องกันได้ด้วยการหยอดตา แม้เหตุการณ์แบบนี้จะพบได้น้อยมากแต่แพทย์จะให้หยอดยาเพื่อป้องกัน และช่วยส่งเสริมการรักษาด้วยเลเซอร์ให้เห็นผลมากยิ่งขึ้น
หลังทำเลเซอร์รักษาโรคต้อหิน ผลการรักษาสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 1 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล สามารถทำซ้ำได้หลายครั้ง หลังทำเลเซอร์ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกเคืองตา ตาแห้งบ้าง แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
หากการรักษาด้วยเลเซอร์ไม่ได้ผล แพทย์จะแนะนำให้ผ่าตัดเป็นวิธีสุดท้าย
การผ่าตัดรักษาต้อหินสามารถทำได้สองวิธี วิธีแรกเป็นการผ่าตัดเพื่อทำทางระบายน้ำ ให้น้ำระบายออกจากลูกตาได้ดีขึ้น หากหลังผ่าตัดแล้วน้ำยังคงระบายออกได้ไม่ดี ความดันในลูกตาไม่ลดลง แพทย์จะใช้การผ่าตัดอีกวิธีหนึ่งเป็นการผ่าตัดทำทางระบายน้ำโดยการสอดท่อเล็กๆเพื่อระบายน้ำออกจากลูกตา ทำให้ความดันในลูกตาลดลง เป็นการควบคุมความดันในลูกตานั่นเอง
ภาวะแทรกซ้อนของโรคต้อหินคือการสูญเสียการมองเห็น ซึ่งอาจจะค่อยๆเสีย หรือเสียอย่างรวดเร็วก็ได้ขึ้นอยู่กับชนิด และระยะอาการที่พบ
โรคต้อหินส่วนใหญ่ใช้เวลาแสดงอาการค่อนข้างนาน ตั้งแต่เริ่มเป็นจนถึงสูญเสียการมองเห็นทั้งหมดอาจใช้เวลานานเป็นสิบปี อีกทั้งการมองเห็นยังเริ่มสูญเสียจากรอบนอก ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาพบแพทย์ในระยะที่เป็นมากแล้ว เนื่องจากไม่ทราบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
แต่หากเป็นโรคต้อหินแบบเฉียบพลัน อาการจะชัดเจน และส่งผลต่อการใช้ชีวิตตามปกติอย่างมาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จึงมาพบแพทย์ได้ทัน แต่โรคต้อหินชนิดนี้หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาสามารถทำให้สูญเสียการมองเห็นทั้งหมดอย่างถาวรได้ภายใน 7 วันเลยทีเดียว
หากเราได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคต้อหินหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคต้อหิน เราควรจะต้องหันกลับมาดูแลตัวเอง ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้
จากหนึ่งในวิธีการของการดูแลตัวเองเมื่อเป็นต้อหิน คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเราสามารถสรุปอาหารที่ควรทานได้ ดังนี้
นอกจากนี้ ยังมีคำถามที่ว่า ต้อหิน ห้ามกินอะไรบ้าง ซึ่งอาหารต่อไปนี้ ที่เราควรหลีกเลี่ยง เพื่อลดโอกาสที่จะทำให้โรคต้อหินมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น คือ
แม้ว่า อาหารอาจจะไม่ได้ส่งผลต่อโรคต้อหินโดยตรง แต่ก็ถือว่าเป็นปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบทำให้โรคต้อหินมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หากเราเลือกบริโภคอาหารที่เพิ่มความดันลูกตา ดังนั้น เราจึงควรระมัดระวังในการเลือกรับประทานอาหารที่จะช่วยดูแลสุขภาพดวงตาของคุณมากกว่า
โรคต้อหินไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้แต่สามารถป้องกันได้ แม้เป็นโรคที่อาจเกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม แต่การลดความเสี่ยงอื่นๆย่อมเป็นผลดี เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคต้อหินให้ได้มากที่สุด โดยวิธีการป้องกันโรคต้อหินมีดังนี้
โรคต้อหินเป็นโรคที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ทั้งในการวินิจฉัยและการรักษา อีกทั้งโรคต้อหินยังเป็นโรคที่ทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรได้หากไม่รักษา และต้องรักษาติดต่อกันเป็นเวลานานด้วย ผู้ที่สงสัยว่าป่วยเป็นโรคต้อหินจึงต้องเลือกโรงพยาบาลที่ไปแล้วได้รับความมั่นใจว่ามีโอกาสที่อาการจะดีขึ้น และสบายใจที่จะรับการรักษาในระยะยาว
ที่ โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ เราดูแลคนไข้เหมือนเป็นเพื่อนบ้านของเรา ทำให้การพบแพทย์เพื่อตรวจตาและรักษาโรคเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งทางโรงพยาบาลยังมีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายท่าน ให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับความมั่นใจ และความสบายใจทุกครั้งที่มาพบแพทย์
โรคต้อหินไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้องรักษาและติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการมองเห็นที่เสียไปแล้วจากขั้วประสาทตาเสื่อม ยังไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้
ดังนั้นทางที่ดี หากมีอาการของโรคต้อหิน หรือสงสัยว่าตนเองอาจเป็นต้อหิน ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอย่างละเอียด และรักษาที่ต้นเหตุ ป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะทำให้เสียการมองเห็นอย่างถาวร
ต้อหินไม่ใช่โรคอันตรายหากมาพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ หรือตรวจพบในระยะแรกๆ เพราะเป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ด้วยการรักษาหลากหลายวิธี
แต่หากปล่อยไว้จนอาการหนักจะอันตรายมาก เพราะอาจจะทำให้เสียการมองเห็นอย่างถาวร นอกจากนี้อาการต้อหินเฉียบพลันยังอันตรายมาก หากมีอาการควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร็ว
โรคต้อหินเป็นโรคที่ผู้ป่วยรู้ตัวได้ยากหากเพิ่งเริ่มเป็น แต่ยิ่งพบโรคเร็วก็จะยิ่งควบคุมโรคได้ง่าย ดังนั้นผู้มีความเสี่ยงโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปควรตรวจดวงตากับจักษุแพทย์ทุกปี ปีละ 1 ครั้ง เพื่อให้ตรวจพบโรคต้อหิน หรือโรคอื่นๆที่เกิดขึ้นกับดวงตาได้เร็วที่สุด
สงสัยว่ากำลังเป็นโรคต้อหิน หรือเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นกับดวงตา สามารถติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและนัดเวลากับจักษุแพทย์จากโรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ได้ที่ Line@samitivejchinatown
เอกสารอ้างอิง
Mayo Clinic. (2020, October 23). Glaucoma. Mayo Clinic.
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/glaucoma/symptoms-causes/syc-20372839
National Eye Institute. (2021, July 23). Laser Treatment for Glaucoma. NEI.
https://www.nei.nih.gov/learn-about-eye-health/eye-conditions-and-diseases/glaucoma/treatment
Glaucoma Associates of Texas. Glaucoma Filtration Surgery (Trabeculectomy). GAT.
https://www.glaucomaassociates.com/incisional-glaucoma-surgery/glaucoma-filtration-surgery-trabeculectomy/