บทความสุขภาพ

ไข้หวัดใหญ่ ภัยอันตรายที่มาพร้อมกับอาการหนาว

บทความโดย: วันที่อัพเดท: 26 มีนาคม 2567

ไข้หวัดใหญ่สาเหตุมาจากอะไร

หลายคนอาจจะเคยได้ยินโรคไข้หวัดใหญ่กันมาบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นโรคที่พบเจอได้ง่ายมากในปัจจุบัน ยิ่งถ้าอยู่ในสภาพอากาศที่แปรปรวน หรืออากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน โดยเฉพาะฤดูฝนและฤดูหนาวที่สภาพอากาศเหมาะแก่การแพร่เชื้อ ทำให้ไม่ว่าจะเพศไหนหรือวัยไหนก็สามารถเป็นโรคนี้ได้ ซึ่งมีหลายคนเช่นกันที่สับสนระหว่างโรคไข้หวัดใหญ่กับโรคไข้หวัดธรรมดา 

บทความนี้จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับ ไข้หวัดใหญ่ หรือ Influenza คืออะไร ไข้หวัดมีกี่สายพันธุ์ อาการไข้หวัดใหญ่เป็นแบบไหน โรคไข้หวัดใหญ่สาเหตุมาจากอะไร ไข้หวัดใหญ่รักษายังไง และไข้หวัดใหญ่รักษาเองได้ไหม 


สารบัญบทความ
 


ไข้หวัดใหญ่ (Influenza)

ไข้หวัดใหญ่คืออะไร

ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ผ่านของเหลวที่ออกมาจากร่างกาย เช่น น้ำลายหรือเสมหะที่เกิดจากการไอจามและทางลมหายใจ เชื้อโรคจะยิ่งเติบโตและแพร่กระจายได้ดีในช่วงที่มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะช่วงหน้าฝนและช่วงหน้าหนาว 

บางคนอาจจะมีอาการไม่หนักมาก แต่กับบางคนอาจจะติดเชื้อไวรัสหนักจนกลายเป็นไข้หวัดใหญ่ลงปอดได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของร่างกายแต่ละคนและการได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย


รู้จักไข้หวัดใหญ่แต่ละสายพันธุ์

ไข้หวัดใหญ่มีกี่สายพันธุ์

โรคไข้หวัดใหญ่สามารถแบ่งออกได้หลายสายพันธุ์ และในแต่ละสายพันธุ์ก็ยังแยกย่อยออกไปได้อีก ดังนั้นเราจะยกตัวอย่างสายพันธุ์ไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในประเทศไทยมากที่สุด 3 อันดับ เพื่อเป็นเกร็ดความรู้และทราบถึงจุดสังเกตอาการของโรคไข้หวัดใหญ่แต่ละสายพันธุ์ 

 

1. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

 

  • H1N1 

โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1N1 ถูกพบครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศเม็กซิโกในปี 2552 จากนั้นเชื้อไวรัสนี้ได้แพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวหรือประเทศที่มีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย 

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะแพร่กระจายและติดต่อได้จากคนสู่คนผ่านการไอจาม ลมหายใจ น้ำลาย น้ำมูก เสมหะ หรือของเหลวใดก็ตามออกมาจากตัวผู้ป่วย หากคนปกติได้รับเชื้อไวรัส ร่างกายจะแสดงอาการภายใน 1 - 3 วัน ซึ่งอาการของผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มีดังนี้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ไข้ขึ้นสูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส ไอ อ้วก และท้องเสีย 

ไข้หวัดสายพันธุ์ A จะมีความเสี่ยงต่อผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่ต้องทานยากดภูมิมากกว่าคนปกติมาก ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคปอด โรคไต และโรคหัวใจ ต้องป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อไวรัสตัวนี้ มิฉะนั้นไวรัสอาจจะลามจนทำให้ปอดติดเชื้อได้ วิธีป้องกันเบื้องต้นคือ ไม่พบปะกับผู้ที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ให้สวมแมส ไม่สัมผัสสิ่งของไปทั่ว ล้างมือและใช้เจลฆ่าเชื้อบ่อย ๆ 

 

  • H3N2

โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H3N2 เป็นเชื้อไวรัสที่รุนแรงมาก สามารถแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนและจากคนสู่คนได้ง่าย ซึ่งเชื้อไวรัสนี้มีต้นกำเนิดมากจากหมู คุณจะได้รับเชื้อไวรัสผ่านการสัมผัสและการทานเนื้อหมูที่มีเชื้อ อาการจะแสดงให้เห็นว่าคุณติดเชื้อไวรัสก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไป 1 - 3 วัน 

เนื่องจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H3N2 เป็นไวรัสชนิดรุนแรง จึงสามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ง่ายโดยเฉพาะ เด็กและผู้สูงอายุที่ภูมิต้านทานไม่แข็งแรง ผู้ที่ทานยาแอสไพรินอยู่เป็นประจำ หญิงตั้งครรภ์ ผู้พิการทางสมอง คนที่เป็นโรคอ้วน และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ตัวไวรัสชนิดนี้จะเข้าไปทำลายระบบต่าง ๆ ในร่างกายจนทำให้ผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้ป่วยหนักกว่าเดิมจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

หากคุณติดเชื้อไวรัส อาการไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a หรือ H3N2 อาการที่สามารถสังเกตได้เช่น อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เจ็บคอ ไอ ปวดหัว ปวดตัว มีน้ำมูกและมีไข้ขึ้นสูง วิธีการป้องไม่ให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายคือ การอยู่ให้ห่างจากผู้ที่เป็นไข้หวัด สวมแมสเมื่อต้องพบเจอผู้ป่วย ล้างมือด้วยสบู่ฆ่าเชื้อทุกครั้งหลังสัมผัสสิ่งของหรือผู้ที่เป็นโรค หรือไปพบแพทย์เพื่อขอฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

 

2. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B

 

  • Victoria 

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B Victoria อาการจะไม่รุนแรงเท่าเชื้อไวรัสของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายจากคนสู่คนเท่านั้น ซึ่งตัวไวรัสจะเติบโตได้ดีในพื้นที่ที่มีสภาพอากาศชื้นในฤดูฝนและฤดูหนาว ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B Victoria จะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหัว ตัวร้อน มีไข้ มีเสมหะ เจ็บคอ และไอแห้ง 

ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการแทรกซ้อนหากได้รับเชื้อไวรัส Victoria คือผู้สูงอายุ เด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหอบ และโรคเกี่ยวกับประสาท เป็นต้น ดังนั้นถ้าคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดอาการแทรกซ้อนหากได้รับเชื้อไวรัส คุณควรอยู่ให้ห่างจากผู้ป่วย ไม่หยิบหรือจับสิ่งของของผู้ป่วย สวมแมสและล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ 

 

  • Yamagata

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B Yamagata เป็นเชื้อไวรัสที่มีลักษณะการแพร่จากคนสู่คนคล้ายกับเชื้อไวรัส Victoria เชื้อไวรัสจะเติบโตได้ดีในสภาพอากาศเย็น หากผู้ป่วยได้รับเชื้อตัวนี้ อาการจะไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่นัก เช่น ปวดหัว ปวดตัว มีน้ำมูก ไอ เจ็บคอ มีไข้ และตัวร้อน 

บุคคลที่มีประวัติเป็นโรคเกี่ยวกับปอด ทางเดินหายใจ โรคหัวใจ ความผิดปกติทางประสาท เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์  ควรระวังการติดเชื้อตัวนี้ เพราะอาจจะทำให้อาการป่วยหนักกว่าบุคคลที่ร่างกายปกติ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการพบเจอผู้ป่วย การใช้สิ่งของและสถานที่ร่วมกับผู้ป่วย 

 

3. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C คือ เชื้อไวรัสที่มีแสดงอาการน้อยที่สุด หรือในบางรายอาจไม่แสดงอาการเลย เป็นเชื้อไวรัสที่ไม่รุนแรง เนื่องจากมีการฝักตัวของเชื้อไวรัสน้อย จึงไม่สามารถแพร่จากคนสู่คนได้ ดังนั้นผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตัวนี้ เพราะร่างกายสามารถต้านไวรัสได้เอง


สาเหตุโรคไข้หวัดใหญ่ ติดจากอะไร

โรคไข้หวัดใหญ่ สาเหตุมาจากการแพร่เชื้อ Influenza virus จากคนสู่คนและจากสัตว์สู่คน เชื้อไวรัสสายพันธุ์ A B และ C จะเติบโตและแพร่กระจายสู่คนได้ไวในสภาพอากาศเย็นและชื้น ซึ่งเชื้อไวรัสเหล่านี้จะแฝงตัวมากับของเหลวที่ออกมาจากร่างกายผู้ป่วย เช่น เสมหะ น้ำมูก ละอองน้ำลาย และผิวหนัง หากคุณสัมผัสของเหลวเหล่านี้และนำมื้อไปขยี้ตา จับปาก และจับจมูก จะทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายของคุณได้ทันที


ไข้หวัดใหญ่อาการเป็นอย่างไร

อาการไข้หวัดใหญ่

หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ร่างกายจะยังไม่แสดงอาการไข้หวัดใหญ่ออกมาทันที เพราะเชื้อเหล่านี้จะต้องใช้ระยะเวลาในการฝักตัว 1 - 4 วัน จากนั้นจะแสดงอาการออกมาดังนี้

 

  • ไข้ขึ้นสูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส
  • หนาวสั่น
  • ไม่อยากทานอาหาร
  • ร่างกายอ่อนเพลีย
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • คลื่นไส้
  • ปวดหัว
  • เจ็บคอ
  • ไอแห้ง
  • มีน้ำมูก
  • ในบางรายอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย

ไข้หวัดใหญ่ต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร

ความแตกต่างระหว่างไข้หวัดใหญ่กับไข้หวัดธรรมดา คือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ จะเกิดจากการที่ร่างกายได้รับไวรัสอินฟลูเอนซ่า (Influenza virus) ซึ่งเชื้อไวรัสจะถูกแบ่งย่อยออกไปเป็นสายพันธุ์ A B และ C ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตัวนี้อาการจะรุนแรงมาก ต้องทานยา ฉีดวัคซีน ดื่มน้ำเยอะ ๆ และนอนพักอย่างเดียว เพราะไม่สามารถลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันได้ อาการจะหายภายใน 1 - 2 สัปดาห์

สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคไข้หวัดธรรมดา โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากการที่ร่างกายได้รับเชื้อไวรัส ไรโนไวรัส (Rhinovirus) และโคโรน่าไวรัส (Coronavirus) ซึ่งอาการจะไม่รุนแรงมากนัก มีไข้ต่ำ ผู้ป่วยยังคงลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันได้ แต่อาจจะทำได้ไม่เต็มที่มากนัก ผู้ป่วยสามารถทานยาและนอนพักรักษาตามอาการเองได้ที่บ้าน อาการจะค่อย ๆ หายภายในไม่กี่วัน


ไข้หวัดใหญ่ต่างจากโควิดอย่างไร

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส อินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ส่วนโรคโควิด - 19 (COVID - 19) เกิดจากเชื้อไวรัส โคโรนา (Coronavirus) ซึ่งไวรัสโคโรนาเป็นเชื้อไวรัสตัวใหม่ที่พึ่งพบเจอ สามารถแพร่เชื้อจากสิ่งมีชีวิตสู่สิ่งมีชีวิตได้เหมือนกับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ถูกพบเจอมานานแล้ว แต่อาการโรคไข้หวัดใหญ่และอาการโควิดจะแตกต่างกันอย่างไรบ้าง มาดูกัน

 

  • อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

- ไข้ขึ้นสูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส

- หนาวสั่น มีน้ำมูก

- ไม่อยากทานอาหาร ในบางรายอาจมีอาการอาเจียนร่วมด้วย

- ร่างกายอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

- ปวดหัว คลื่นไส้

- ไอแห้ง เจ็บคอ

- แพร่เชื้อได้หากสัมผัสของเหลวจากผู้ป่วย

 

  • อาการของโรคโควิด - 19

- ไข้สูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส

- หายใจลำบาก 

- ไอแห้ง เจ็บคอ

- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

- ปวดหัว

- แพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 2 วันก่อนมีอาการ


ใครเสี่ยงติดเชื้อไข้หวัดใหญ่

กลุ่มคนเสี่ยงที่เมื่อได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แล้วจะเกิดอาการแทรกซ้อนหรือแสดงอาการรุนแรงกว่าคนปกติ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นคนที่มีโรคประจำตัว เราจึงได้รวบรวมกลุ่มโรคที่ผู้ป่วยควรระวังหากได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ดังนี้

 

  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับประสาท
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ
  • ผู้ป่วยโรคไต
  • ผู้ป่วยดรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยที่มีอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ที่เป็นโรคอ้วน
  • สตรีมีครรภ์
  • เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี
  • ผู้สุงอายุ ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป

ไข้หวัดใหญ่…เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อาการจะแสดงอาการรุนแรงออกมาไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่กับผู้ป่วยบางรายที่มีอาการหนักหรือมีอาการแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคประจำตัว ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและทำการรักษาโดยด่วน ซึ่งผู้ที่ควรมาพบแพทย์ต้องมีอาการดังนี้

 

  • ไข้ขึ้นสูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส นานเกิน 24 - 48 ชั่วโมง
  • ทานยาลดไข้แล้วแต่อุณภูมิร่างกายไม่ลดลง
  • หายใจลำบาก เจ็บ และแน่นหน้าอก
  • ปลายนิ้วมือและปลายนิ้วเท้าเขียว
  • หน้ามืด
  • อาเจียน
  • ไม่สามารถทานอาการได้
  • มีอาการป่วยเกิน 7 วัน

วิธีรักษาไข้หวัดใหญ่

วิธีรักษาไข้หวัดใหญ่

วิธีการรักษาโรคที่เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่โดยส่วนใหญ่แล้วจะเหมือน ๆ กัน ดังนั้นวิธีการรักษาอาการไข้หวัดใหญ่เบื้องต้น สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการแทรกซ้อน หรือมีอาการแทรกซ้อนเพียงเล็กน้อยแต่ไม่อันตรายถึงชีวิต ไข้หวัดใหญ่ รักษาด้วยวิธีใดบ้าง มาดูกัน

 

  • ทานยาลดน้ำมูก เพื่อลดอาการคัดจมูก
  • ทานยาแก้ไอและยาลดเสมหะ
  • ทานยาต้านฮิสตามีนเพื่อลดอาการจามและคัดจมูก
  • ทานยาต้านไวรัสเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อภายในร่างกาย
  • ทานยาปฏิชีวนะ หากเกิดอาการแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับปอด

แนวทางป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

เราได้รู้จักต้นกำเนิดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ อาการที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และวิธีการรักษาหากติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่กันไปแล้ว ดังนั้นหัวข้อนี้เราจะมาพูดถึงแนวทางป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

 

วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

 

1. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H1N1)

เข้าพบแพทย์เพื่อขอฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ เลี่ยงการพบปะผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ไม่สัมผัสสิ่งของหรือตัวผู้ป่วย สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ออกกำลังกายและทานอาการที่ดีเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง

 

2. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H3N2)

หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ไม่เข้าใกล้ผู้ที่ติดเชื้อไวรัส ไม่ใช้ของร่วมกันกับผู้ป่วย สวมแมสและหมั่นล้างมืออยู่เสมอ หากอยากมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส สามารถฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ออกกำลังกาย และทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เสมอ

 

3. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล VICTORIA

เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B VICTORIA อาการจะไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A แต่ก็ควรระวังไว้ก่อนโดยการหลักเลี่ยงพบเจอผู้ป่วย สวมแมสตลอดหากเจอคนเยอะ อย่าจับสิ่งของที่ไม่ใช่ของเรา แต่วิธีที่จะป้องกันการติดเชื้อไวรัสที่ได้ผลดีที่สุดคือ การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

 

4. ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล YAMAGATA

แนวทางการป้องกันตัวเองจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสจะไม่แตกต่างจาก วิธีการป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ตระกูล VICTORIA คือการไม่สัมผัสผู้ป่วย ไม่เข้าหาผู้ป่วย ล้างมือให้สะอาด แล้วก็ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่


ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากไข้หวัดใหญ่

ภาวะแทรกซ้อนของโรคที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ อาการจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยคนนั้นมีประวัติการรักษาโรคอะไรมาก่อน ซึ่งโรคที่มักจะเกิดอาการแทรกซ้อนหากได้รับเชื้อไวรัส คือ โรคเกี่ยวกับปอด หัวใจ ไต เบาหวาน และประสาท เป็นต้น


คำถามที่พบบ่อย

เราได้รวบรวม 3 คำถามสำคัญที่นอกเหนือจากข้อมูลในบทความข้างต้นไว้ให้เพิ่มเติม เพื่อที่จะช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับคุณเกี่ยวกับโรคไข้หวัดใหญ่ และเพื่อเตรียมความพร้อมหากคนรอบข้างป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่หรืออาจจะกลายเป็นเราเองที่ได้รับเชื้อไวรัสนั้นมา 

 

ไข้หวัดใหญ่กี่วันหาย

หากไม่รวมวันที่เชื้อไวรัสฟักตัว อาการไข้หวัดใหญ่จะหายภายใน 1 - 2 สัปดาห์

 

ไข้หวัดใหญ่รักษาเองได้ไหม

ไข้หวัดใหญ่รักษาเองได้ แต่ต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแต่ละคน หากใครที่มีอาการไม่รุนแรงมากนัก สามารถทานยารักษาเองที่บ้านได้ แต่ถ้าหากผู้ป่วยมีอาการรุนแรงและมีประวัติการรักษาโรคมาก่อน ไม่แนะนำให้รักษาเอง ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที

 

จำเป็นต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีไหม

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีเป็นสิ่งที่จำเป็นและควรทำอย่างมาก เพราะจะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ เพื่อป้องกันและต่อต้านเชื้อไวรัสที่จะเข้าสู่ร่างกาย


ข้อสรุป

สุดท้ายนี้ทุกคนคงเห็นถึงอันตรายที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่กันแล้ว สำหรับใครที่สนใจอยากฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เราขอแนะนำโรงพยาบาล สมิติเวช ไชน่าทาวน์ เนื่องจากมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสไข้หวัดใหญ่พร้อมให้บริการเสมอ

ช่องทางการติดต่อ

ที่อยู่ : 624 ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100

Tel : 02-118-7893

Line : @samitivejchinatown

Email : info@samitivej.co.th


References (APA)

Centers for Disease Control and Prevention. (2022, December 2). Types of influenza viruses. Centers for Disease Control and Prevention. Retrieved January 9, 2023, from https://www.cdc.gov/flu/about/viruses/types.htm#:~:text=There%20are%20four%20types%20of,global%20epidemics%20of%20flu%20disease). 

Centers for Disease Control and Prevention. (2022, September 28). Similarities and differences between flu and covid-19. Centers for Disease Control and Prevention. Retrieved January 9, 2023, from https://www.cdc.gov/flu/symptoms/flu-vs-covid19.htm 

Mayo Foundation for Medical Education and Research. (2022, October 15). Influenza (flu). Mayo Clinic. Retrieved January 9, 2023, from https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/flu/symptoms-causes/syc-20351719 

บทความและสุขภาพอื่นที่น่าสนใจ