โรคข้ออักเสบ โรคร้ายทำลายกระดูก รู้ไว้ก่อนสายเกินแก้
ในปัจจุบันโรคข้ออักเสบนั้นสามารถเกิดขึ้นในกลุ่มคนหลากหลายช่วงวัย ด้วยสาเหตุที่เป็นเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน อย่างเช่นการเดิน วิ่ง หรือนั่ง โดยบทความนี้ทุกคนจะได้ทำความรู้จักว่าโรคไขข้ออักเสบ หรือ Arthritis คืออะไร
ข้ออักเสบ หรือ Arthritis คืออาการบาดเจ็บที่ข้อต่อ สามารถพบได้ในโรคอื่นมากมายเช่น โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ โดยมีอาการปวด เมื่อย บวม บริเวณข้อต่อ ส่งผลให้การเคลื่อนไหวลดลง ถึงแม้ข้ออักเสบจะเป็นอาการเจ็บป่วยเฉพาะจุดที่ดูเล็กน้อย แต่การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้อาการอักเสบรุนแรงกว่าเดิม หากไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจกระจายจนเสียชีวิตได้

สารบัญบทความ
ภาวะข้ออักเสบเกิดจากการทำลายข้อต่อของร่างกาย ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดบวมบริเวณข้อต่อ ช่วงข้อต่อจะแดง ขยับได้ยาก และหากสัมผัสอาจมีความรู้สึกปวดร้อนร่วมด้วย โดยอาการจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับตำแหน่งข้อต่อที่อักเสบและชนิดของการอักเสบ

- อาการปวด เจ็บข้อเข่า
- อาการข้อบวม
- มีรอยแดง
- เคลื่อนไหวข้อต่อได้น้อยลง
ในช่วงแรกอาการปวดต่างๆจะเกิดไม่นานและหายได้เอง แต่ในบางกรณีอย่างเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุอาจสังเกตได้ยากกว่าเนื่องจากไม่ค่อยขยับร่างกาย โดยสามารถสังเกตได้จากการที่เด็กหรือผู้สูงอายุไม่ค่อยขยับแขนขาข้างที่มีอาการอักเสบ หรือขยับได้อย่างจำกัด ลำบาก ไม่คล่องแคล่ว

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระตุ้นให้เกิดโรคข้ออักเสบ
โรคข้อกระดูกอักเสบ สาเหตุของการเกิดโรคนั้นมีหลายสาเหตุด้วยกัน
- อายุที่มากขึ้น
- มีการติดเชื้อแบคทีเรีย
- เกิดร่วมโรคอื่นๆอย่างโรคข้อเข่าเสื่อม โรครูมาตอยด์ โรคเก๊าท์ โดยอาการของข้ออักเสบนั้นหลากหลายขึ้นอยู่กับผู้ป่วย หากเกิดร่วมกับโรคอื่น เช่น รูมาตอยด์ อาจมีอาการอื่นเพิ่มเติม เช่น ไม่สบายตัว เวียนหัว เป็นไข้
- หากคนในครอบครัวผู้ป่วยมีประวัติมีภาวะข้ออักเสบมาก่อน สมาชิกในครอบครัวอื่นอาจมีความเสี่ยงได้เช่นกัน
- โรคที่เกี่ยวกับข้ออักเสบบางโรคพบในเพศหนึ่งมากกว่าอีกเพศ เช่น โรครูมาตอยด์พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โรคเก๊าท์พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
- การบาดเจ็บของข้อต่อ เช่น อุบัติเหตุ
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวมากจะเสี่ยงต่อการเกิดข้ออักเสบมากกว่าผู้อื่น เนื่องจากอาจมีแรงกดข้อต่อมากโดยเฉพาะช่วงข้อเข่า สะโพก กระดูกสันหลัง เพราะเป็นจุดรับน้ำหนัก
การเสื่อมสภาพของข้อต่อ หรือข้ออักเสบ แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ได้แก่
- ข้ออักเสบแบบเฉียบพลันข้อเดียว เกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและข้อต่อ สามารถเกิดได้จากการติดเชื้อและโรคเก๊าท์
- ข้ออักเสบแบบเฉียบพลันหลายข้อ เกิดจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
- โรคข้ออักเสบชนิดเรื้อรังจากรูมาตอยด์ เกิดได้จากโรครูมาตอยด์ เก๊าท์เทียม เชื้อแบคทีเรีย หรือมะเร็งบางประเภท
1. โรคข้ออักเสบแบบเฉียบพลันข้อเดียว
อาการข้ออักเสบเฉียบพลันข้อเดียว ช่วยบ่งบอกว่าผู้ป่วยอาจะเป็นโรคข้ออักเสบติดเชื้อ ข้ออักเสบจากการใช้งานมากเกินไป โรคเก๊าท์ เส้นเอ็นหรือว่าผิวหนังติดข้ออักเสบ
2. โรคข้ออักเสบแบบเฉียบพลันหลายข้อ
อาการข้ออักเสบแบบเฉียบพลันหลายข้อ ช่วยบ่งบอกว่าอาจเป็นข้ออักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสบางชนิด
3. โรคข้ออักเสบชนิดเรื้อรังจากรูมาตอยด์
อาการข้ออักเสบเรื้อรังจากรูมาตอยด์ เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งโรครูมาตอยด์ เก๊าท์เทียม เชื้อแบคทีเรีย หรือมะเร็งบางชนิด บางกรณีอาจเป็นโรคแพ้ภูมิ(โรคเอสแอลอี)ซึ่งนำไปสู่โรคข้ออักเสบจาก ภูมิคุ้มกัน
หากมีอาการปวดบวมแดงที่ข้อเป็นระยะเวลานานและไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตนเอง เช่น ประคบเพื่อแก้ปวดแล้วอาการปวดไม่หายไป ต้องรับประทานยาแก้ปวดติดต่อกันเพื่อระงับอาการปวด หรือมีอาการแทรกซ้อนร่วมด้วยอย่างเวียนหัวเป็นไข้ ควรพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและดูบริเวณข้อต่อเพื่อค้นหาสาเหตุอาการอักเสบต่อไป
ในการวินิจฉัยข้อต่ออักเสบ แพทย์จะดูสภาพของข้อต่อ การปวด บวม แดง และความร้อนของข้อต่อ รวมไปถึงการเคลื่อนไหวว่าติดขัดในระดับใดเพื่อทำการจำแนกภาวะข้อต่ออักเสบว่าเป็นประเภทใด
- การทดสอบในห้องแล็บ โดยการนำตัวอย่างของเหลวในร่างกายไปทดสอบเพื่อจำแนกประเภท
- การทดสอบด้วยภาพถ่าย ใช้ภาพถ่ายทางการแพทย์ต่างๆเพื่อตรวจหาสาเหตุและดูรายละเอียดอาการ เช่น การใช้ภาพเอกซเรย์ ซีทีแสกน เอ็มอาร์ไอ
สำหรับผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ อาการแทรกซ้อนอาจเกิดขึ้นได้หากข้ออักเสบนั้นอยู่ในระดับที่รุนแรง โดยจะมีอาการดังนี้
- หากบริเวณมือและแขนมีอาการของโรคข้ออักเสบ อาจส่งผลให้การทำกิจกรรมหรือกิจวัตรประจำวันนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก
- หากบริเวณที่ไขข้ออักเสบเป็นส่วนที่ใช้รับน้ำหนัก เช่น ข้อเข่า กระดูกสันหลัง หรือสะโพก จะส่งผลเสียทำให้การนั่งหรือเดินนั้นไม่ปกติ
- โรคข้ออักเสบยังส่งผลให้เกิดการคดงอของกระดูกหรือทำให้กระดูกผิดรูป
การรักษาภาวะข้ออักเสบ เป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการปวดและฟื้นฟูประสิทธิภาพความสามารถในการทำงานของข้อต่อนั้นๆ วิธีการรักษาแบ่งออกเป็น 3 วิธีคือ การใช้ยา การทำกายภาพบำบัด และการผ่าตัด
1. รักษาด้วยการใช้ยา
การใช้ยา แพทย์จะจ่ายยาตามชนิดของข้ออักเสบ ยาแต่ละชนิดมีระยะเวลาการออกฤทธิ์ต่างกัน อาจเป็นยาแบบทา หรือยาสำหรับรับประทาน กลุ่มยาที่ใช้มักเป็นกลุ่ม
- ยาแก้ปวด
- ยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
- ยาลดการอักเสบกลุ่ม DMARDs
- ยาต้านการระคายเคือง (Counterirritants)
- ยาลดอาการอักเสบและกดภูมิคุ้มกัน (Corticosteroids)
- ยาเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน (Biologic response modifiers)
2. รักษาโรคข้ออักเสบด้วยการทำกายภาพบำบัด
การทำกายภาพบำบัด แพทย์อาจส่งคนไข้ให้นักกายภาพบำบัดดูแลอย่างใกล้ชิด วิธีการรักษาดังกล่าวอาจเป็นการแนะนำท่าออกกำลังกายให้คนไข้เพื่อฟื้นฟูความสามารถและการเคลื่อนไหวบริเวณข้อต่อ รวมถึงทำให้กล้ามเนื้อรอบข้อต่อแข็งแรงขึ้นเพื่อพยุงข้อต่อในระยะยาวด้วย
3. รักษาข้ออักเสบโดยการผ่าตัด
การผ่าตัด ในกรณีที่คนไข้ตอบสนองต่อวิธีการรักษาอื่นได้น้อย แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัด ซึ่งแบ่งออกเป็น
- การผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมข้อต่อ
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อ
- การผ่าตัดเชื่อมข้อต่อ
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียม
เพื่อป้องกันหรือรักษาโรคข้ออักเสบให้ดีขึ้น การดูแลตัวเองจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยบรรเทาอาการ ซึ่งสามารถปฏิบัติได้หลายวิธีด้วยกัน
-
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยทำกิจกรรมอย่างการว่ายน้ำที่จะช่วยพยุงข้อต่อและไม่ลงน้ำหนักที่ขาจนเกินไป และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ลงน้ำหนักบริเวณข้อเข่า เช่น การวิ่ง เดินขึ้นลงบันได หรือการลุกนั่งเลือกรับประทานอาหาร
- การควบคุมน้ำหนักเป็นอีกสิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อกระดูกอักเสบจากการรับน้ำหนักตัวที่มากเกินไป
- การลดหรือเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นสาเหตุของโรคข้อกระดูกอักเสบเช่น ยกของหนัก กระโดด นั่งยอง และอื่นๆ
- การประคบเย็นเป็นอีกวิธีที่ช่วยบรรเทาเมื่อมีอาการไขข้ออักเสบ โดยประคบเย็นตรงบริเวณที่ปวดข้อประมาณ 15-20 นาทีและควรนัดพบแพทย์เพื่อเช็คอาการ
วิธีการป้องกันข้ออักเสบเพื่อลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยอาการดังกล่าวในอายุที่มากขึ้น สามารถได้หลายวิธี และควรทำให้สม่ำเสมอ
- การออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้ข้อต่ออย่างหนัก เช่น การกระโดด และออกกำลังกายอย่างการเดิน หรือการว่ายน้ำเพราะน้ำสามารถช่วยพยุงข้อต่อได้ และการออกกำลังกายยังช่วยพัฒนากล้ามเนื้อให้แข็งแรง ช่วยในการพยุงข้อต่อได้ดีขึ้นด้วย
- หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และไม่สูบบุหรี่
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่มีโอเมก้า 3
- เลี่ยงพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อกระดูกและข้อ เช่น การยกของหนัก หากเลี่ยงไม่ได้ให้พยายามยก 2 มือเพื่อกระจายน้ำหนัก ไม่ลงที่ข้อใดข้อหนึ่ง
โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ อยู่ใกล้กับชุมชนคนไทยเชื้อสายจีนอย่างย่านเยาวราช และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ และรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวด หรือเจ็บบริเวณข้อต่อทุกแบบ เพื่อวินิจฉัยและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสำหรับแต่ละบุคคล หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามแพทย์ที่ Line: @samitivejchinatown ได้ทันที
แม้ว่าโรคไขข้ออักเสบจะดูเป็นอาการเฉพาะจุด แต่เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากโรคที่ปล่อยไว้แล้วรุนแรงกว่าเดิม หรือเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรียที่สามารถกระจายตัวและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นหากมีอาการที่คล้ายคลึงกับข้ออักเสบ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวด บวม ร้อน ควรเข้าพบแพทย์เพื่อปรึกษาและตรวจสอบในกรณีที่มีความผิดปกติต่อไป
หากท่านใดต้องการเช้ารับการตรวจวินิจฉัยอาการข้อเข่าอักเสบที่โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ สามารถติดต่อทางโรงพยาบาลได้ที่เบอร์โทร 02-118-7893 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแอดไลน์โรงพยาบาล Line: @samitivejchinatown
สมิติเวช ไชน่าทาวน์..มั่นใจมีคุณหมอเป็นเพื่อนบ้าน
เอกสารอ้างอิง
Mayo Foundation for Medical Education and Research. (2021, September 15). Arthritis. Mayo Clinic.
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/arthritis/symptoms-causes/syc-20350772
Cleveland Clinic. (2021). Arthritis: Symptoms, causes, types & treatment.
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/12061-arthritis