เชื่อว่า หลายๆคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการทำเลสิค เพื่อแก้ไขปัญหาความผิดปกติของสายตา ซึ่งแน่นอนว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่สนใจแก้ไขปัญหาสายตาด้วยเลสิคนั้น เพียงแต่กลัวใบมีด ความรู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด และกลัวผลกระทบมากมายที่อาจเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดไปแล้ว
ขอให้คุณทิ้งความกังวลเหล่านั้นไปได้เลย เพราะในปัจจุบัน มีนวัตกรรมเลสิคแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้ใบมีด หรือที่เรียกว่า “ReLEx SMILE (รีเล็กสมาย)” เข้ามาช่วยในการผ่าตัดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การทำ ReLEx SMILE คืออะไร? น่าสนใจแค่ไหน? แล้วเหมาะสำหรับใครบ้าง? มาทำความรู้จักกันได้ในบทความนี้
สารบัญบทความ
• ReLEx SMILE คืออะไร
• ข้อดีของการทำ ReLEx SMILE มีอะไรบ้าง
• ใครที่เหมาะกับการทำ ReLEx SMILE
• การประเมินสภาพสายตาก่อนเข้ารับการรักษา
• วิธีเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด ReLEx SMILE
• ขั้นตอนการผ่าตัด ReLEx SMILE
• การปฏิบัติตัวหลังเข้าการรักษาด้วย ReLEx SMILE
• ข้อจำกัดของการทำ ReLEx SMILE
• ReLEx SMILE ที่ไหนดี
• FAQ การผ่าตัดเลสิค ReLEx SMILE
• โปรโมชั่น ReLex Smile ราคาพิเศษ
• ข้อสรุป
ReLEx SMILE ย่อมาจากคำว่า ReLEx (Refractive Lenticule Extraction) และคำว่า SMILE (Small Incision Lenticule Extraction) คือ เทคโนโลยีการผ่าตัดรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนจากการใช้ใบมีดมาเป็นการใช้แสงเลเซอร์ในการปรับรูปร่างหรือความโค้งของกระจกตา ซึ่งพัฒนามาจากการทำเลสิคแบบดั้งเดิม ทำให้วิธีการนี้มีข้อดีเพิ่มมากขึ้น และสามารถลดภาวะแทรกซ้อนบางอย่างลงได้
ReLEx SMILE เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ.2004 Carl Zeiss Meditec ได้ทำการจัดตั้งทีม เพื่อสร้าง femtosecond laser ที่สามารถตัดเลนส์ภายในกระจกตาได้ขึ้น จากนั้นเริ่มมีการศึกษาในกลุ่มสัตว์ทดลอง เพื่อพิสูจน์แนวคิดการตัดเลนส์ภายในกระจกตา และได้รับผลลัพธ์ว่า สามารถเป็นไปได้ มีความปลอดภัยในการดึงเลนส์ที่ตัดไว้ภายในกระจกตาออกมา
ในเวลาต่อมา เริ่มมีการศึกษาทางคลินิกครั้งแรกในประเทศเยอรมนี ปี ค.ศ.2006 มีผู้เข้ารับการผ่าตัดจริง ซึ่งการผ่าตัดนี้ สามารถทำได้โดยการกรีดแผล 2 - 3 ครั้งในการดึงเลนส์ที่ตัดไว้ออกมา หลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น ผลการศึกษาจึงได้ถูกเผยแพร่ออกไป จนในปี ค.ศ.2008 Dr. Rupal Shah ประเทศอินเดีย ได้ทำการผ่าตัดด้วยวิธีการดังกล่าว โดยการกรีดแผลเพียงครั้งเดียว และผลการศึกษาในเรื่องนี้ จึงได้เผยแพร่ออกไปในวงกว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการศึกษาจะสามารถทำได้จริง และมีความปลอดภัย แต่ในเวลานั้น ผลลัพธ์ที่ได้ยังไม่ดีเทียบเท่าเลสิค จึงทำให้เกิดการปรับปรุงพัฒนาหลากหลายอย่างในเวลาต่อมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปแบบการสแกนของเลเซอร์ การเพิ่มความถี่ ลดพลังงานของเลเซอร์ รวมไปจนถึงการปรับปรุงขั้นตอนการผ่าตัดต่างๆด้วย
จนในที่สุด หลังจากเสร็จสิ้นการศึกษาทางคลินิกต่างๆ ในปี ค.ศ.2016 ReLEx SMILE ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา สำหรับการรักษาภาวะสายตาสั้น และในปี ค.ศ.2017 มีการใช้วิธีการทำ ReLEx SMILE อย่างแพร่หลายมากกว่า 1 ล้านครั้งทั่วโลก
การทำ ReLEx SMILE คือ การผ่าตัดไร้ใบมีด โดยใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser) ซึ่งแพทย์จะทำการแยกชั้นกระจกตาเป็นรูปเลนส์ (Lenticule) อยู่ภายในกระจกตา จากนั้นดึงออกผ่านแผลขนาดเล็ก ประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตร เมื่อดึงออกแล้ว กระจกตาจะมีการเปลี่ยนแปลงความโค้ง ทำให้การหักเหของแสงดีขึ้น จุดรวมแสงจึงตกกระทบลงที่จอประสาทตาพอดี
ส่วนการผ่าตัดโดยใช้วิธีการทำเลสิคธรรมดา จะต้องมีการผ่าตัดแยกชั้นกระจกตา โดยการใช้ใบมีด หรือ ใช้เลเซอร์ (Femtosecond Laser) ก่อน จากนั้นจึงทำการใช้เอ็กไซเมอร์เลเซอร์ (Excimer laser) ในการปรับความโค้งของกระจกตาตามที่มีการคำนวณไว้ และสุดท้ายจึงนำชั้นกระจกตาปิดลงกลับสู่ที่เดิม
ความแตกต่างนี้ ทำให้การผ่าตัดแบบReLEx SMILE เป็นการผ่าตัดที่ใช้ระยะเวลาน้อย รบกวนกระจกตาน้อยที่สุด จึงทำให้แผลหายได้เร็ว ผลข้างเคียงน้อยกว่า ปลอดภัยกว่า และกระจกตามีความแข็งแรงมากกว่าแบบเลสิค
สนใจปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตา ด้วยประสบการณ์ทำเลสิคกว่า 10,000 เคส
มั่นใจด้วย 2 เทคโนโลยีนำเข้าจากเยอรมันล่าสุด (German Medical Technology 2021)
• การทำ ReLEx SMILE เหมาะกับผู้ที่มีค่าสายตาสั้นไม่เกิน 1000 (-10.00 D) สายตาเอียงไม่เกิน 500 (หรือ -5.00 D) หรือมีภาวะสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง
• มีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยมีค่าสายตาคงที่อย่างน้อย 1 ปี หรือเปลี่ยนแปลงไม่เกิน 50 ในรอบ 1 ปี
• บุคคลที่ต้องการทำrelexตา ควรมีอายุไม่เกิน 55 ปี
• กรณีอายุเกิน 40 ปีขึ้นไป มีภาวะสายตาสั้นและสายตายาวตามอายุร่วมด้วย หากต้องการรักษาด้วยวิธีนี้ จะมีอยู่ 2 ทางเลือก ได้แก่
1. รักษาสายตาทั้งสองข้าง โดยการแก้ไขค่าสายตาสั้น และใช้แว่นตาเพื่อช่วยในการมองระยะใกล้
2. รักษาข้างหนึ่งให้มีค่าสายตาใกล้เคียงปกติ เพื่อให้มองเห็นชัดเจนในระยะไกล และอีกข้างทำให้เหลือค่าสายตาสั้นไว้ เพื่อช่วยมองในระยะใกล้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์ และความสะดวกในการใช้ชีวิตของผู้เข้ารับการรักษา
• ผู้ที่ทำเลสิค relex ต้องไม่มีโรคเกี่ยวข้องกับกระจกตาที่ส่งผลต่อการมองเห็น เช่น โรคตาแห้งอย่างรุนแรง โรคกระจกตาย้วย และจอประสาทตาเสื่อม
• ไม่เป็นโรคทางร่างกายที่ทำให้แผลหายยาก เช่น โรคภูมิต้านตัวเอง โรค SLE โรครูมาตอยด์ โรคสะเก็ดเงิน รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
• บุคคลที่รับประทานยารักษาสิวในกลุ่ม Isotretinoin เช่น Roaccutane, Acnotin, Isotret ควรหยุดยาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ก่อนวันตรวจวิเคราะห์สภาพตาและก่อนเข้ารับการผ่าตัด
• ผู้ที่มีการรับประทานยาประจำตัวต่างๆ เช่น ยานอนหลับ เบาหวาน ความดัน ฯลฯ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ
• ผู้ที่ไม่อยู่ในช่วงระหว่างทำการตั้งครรภ์ หรือการให้นมบุตร
• อย่างไรก็ตาม จะต้องผ่านการตรวจวิเคราะห์สภาพตาโดยจักษุแพทย์แล้วว่า มีสุขภาพตาโดยรวมดี แข็งแรง จึงสามารถเข้ารับการรักษาได้
ก่อนเข้ารับการรักษาแบบ ReLEx SMILE จะต้องมีการตรวจสายตา โดยจักษุแพทย์อย่างละเอียดก่อน เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ได้จากการตรวจวัด ไปคำนวณและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยปกติแล้ว จะใช้เวลาในการประเมินสภาพสายตา ประมาณ 3 ชั่วโมง ซึ่งมีรายการตรวจดังนี้
• การตรวจวัดค่าสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์
การวัดค่าสายตาด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการตรวจประเมินค่าสายตาเบื้องต้น ค่าสายตาจะได้มาจากการสะท้อนของแสง สามารถคำนวณหาค่าสายตาเอียง และองศาได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว
• การทดสอบการมองเห็น
การทดสอบการมองเห็น จะถูกประเมินโดยการให้คุณมองและอ่านแผ่นวัดสายตาตามเงื่อนไขที่กำหนด ตัวอักษรหรือตัวเลขบนแผ่นวัดสายตาจะมีขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆในแต่ละบรรทัด เพื่อดูประสิทธิภาพการมองเห็นว่ายังมีความชัดเจนอยู่มากน้อยเพียงใด
• การวัดความดันลูกตา
การวัดความดันลูกตา เป็นการวัดระดับความดันภายในลูกตาว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ อีกทั้งยังดูเรื่องของแนวโน้มการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตาอีกด้วย
• การตรวจและวัดค่าสายตาโดยจักษุแพทย์
การตรวจและวัดค่าสายตาโดยจักษุแพทย์ คือ จะมีการตรวจวัดต่างๆเพิ่มเติม เช่น การตรวจวัดความโค้งของกระจกตา การตรวจดูการหักเหของแสง การตอบสนองต่างๆของดวงตา เป็นต้น
• การวัดปริมาณน้ำตา
การวัดปริมาณน้ำตา (Schrimer’s Test) คือ จักษุแพทย์จะนำกระดาษสำหรับ Schrimer’s Test โดยเฉพาะ สอดเข้าไปบริเวณหนังตาด้านล่างของผู้รับการตรวจเป็นเวลา 5 นาที จากนั้นจะนำกระดาษออกมาวัดระยะน้ำตา เพื่อดูว่าผู้เข้ารับการตรวจมีภาวะตาแห้งหรือไม่
• การถ่ายภาพพื้นผิวกระจกตาและวัดความหนาของกระจกตา
การถ่ายภาพพื้นผิวกระจกตาและวัดความหนาของกระจกตา คือ การถ่ายภาพเพื่อนำไปคำนวณและแปลผลข้อมูลมาใช้ในการรักษาของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถดูได้ทั้งในเรื่องของ รูปร่างกระจกตา ภาวะสายตาเอียง และระดับความหนาหรือความบางของกระจกตา
• การหยอดยาขยายม่านตา
การหยอดยาขยายม่านตา จะช่วยให้รูม่านตากว้างขึ้น เพื่อตรวจภายในลูกตาได้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแก้วตา น้ำวุ้นตา หรือจอตา เป็นต้น และวัดค่าสายตาได้แม่นยำยิ่งขึ้น เนื่องจากยาจะช่วยลดการเพ่งของตา ที่ในบางรายอาจเพ่งในการตรวจโดยไม่รู้ตัว
• การตรวจสภาพจอประสาทตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์
หลังจากที่มีการหยอดยาขยายม่านตา จักษุแพทย์จะทำการตรวจจอประสาทตา เส้นประสาทตา จุดรับภาพ ความหนาของชั้นจอประสาทตา และความผิดปกติอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นอย่างละเอียด เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และสรุปแนวทางการรักษาต่อไป
สนใจปรึกษาทีมแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา และการผ่าตัดแก้ไขสายตา ด้วยประสบการณ์ทำเลสิคกว่า 10,000 เคส
มั่นใจด้วย 2 เทคโนโลยีนำเข้าจากเยอรมันล่าสุด (German Medical Technology 2021)
ขั้นตอนการผ่าตัดแบบ ReLEx SMILE มีดังนี้
1. เมื่อคุณพร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัดแล้ว จักษุแพทย์จะทำการหยอดยาชาลงไปที่ดวงตา
2. ยาชาเริ่มออกฤทธิ์ จักษุแพทย์จะเริ่มทำการผ่าตัด โดยการนำแสงเลเซอร์ที่มีชื่อว่า Femtosecond Laser ใช้ในการแยกชั้นเนื้อกระจกตาเป็นรูปเลนส์(Lenticule) ตามที่ได้คำนวณไว้ โดยไม่มีการผ่าเปิดฝากระจกตา
3. หลังจากนั้นแพทย์จะเปิดแผลขนาดเล็ก ประมาณ 2 - 4 มิลลิเมตรที่กระจกตา และใช้เครื่องมือดึงเลนส์ที่ตัดเอาไว้อยู่ภายในออกมา
4. เมื่อเลนส์ที่ตัดไว้ถูกดึงออกมา จะทำให้กระจกตาเกิดการปรับเปลี่ยนความโค้ง ส่งผลให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจน
5. สุดท้าย หลังจากที่ผ่าตัดเสร็จสิ้น แพทย์จะทำการปิดที่ครอบตาให้ และสามารถเดินทางกลับบ้านได้
เนื่องด้วยสภาพร่างกายและการฟื้นฟูตนเองของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน จึงทำให้การใช้ระยะเวลาในการมองเห็นภาพชัดเจนแตกต่างกันไปด้วย แต่โดยทั่วไป ประมาณวันที่ 3 หลังการผ่าตัด ค่าสายตาจะเริ่มคงที่ หลายๆ คนจะเริ่มมองเห็นภาพได้ค่อนข้างชัดเจนยิ่งขึ้น และเมื่อถึง 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด เราจะสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนเป็นปกติ
โปรโมชั่นผ่อนชำระ รับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือน
การทำ ReLEx SMILE เจ็บไหม? ผู้เข้ารับการรักษาไม่ต้องกังวลเรื่องความรู้สึกเจ็บ เนื่องจากก่อนการผ่าตัด จักษุแพทย์จะทำการหยอดยาชาที่ดวงตา ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด และหลังจากการผ่าตัดอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ทั่วไป ได้แก่ อาการเคืองตา หนักตา แสบตา คันตา ตาแห้ง น้ำตาไหล แพ้แสง เป็นต้น
โดยปกติแล้ว ReLEx SMILE จะใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 3 วัน ผู้รับบริการจะเริ่มกลับมามองเห็นได้ชัดเจนขึ้น สามารถกลับมาทำกิจกรรมบางอย่างได้ และความสามารถในการมองเห็นจะชัดเจนคงที่ ในระยะเวลาประมาณ 3 - 6 เดือน จากการที่กระจกตาฟื้นฟูรักษาตนเองจนหายสนิท
ทั้งนี้ ระยะเวลาในการฟื้นฟูรักษากระจกตาของแต่ละคนอาจมีความแตกต่างกันออกไป หากในระยะหนึ่ง คุณรู้สึกไม่สบายใจ สามารถเข้าพบจักษุแพทย์เพื่อขอรับคำปรึกษาได้
การทำReLEx SMILE คือการแก้ไขปัญหาค่าสายตาให้กลับมามีความชัดเจนอีกครั้ง แต่ไม่สามารถเป็นวิธียับยั้งการเจริญเติบโต หรือการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ ดังนั้น ReLEx SMILE จะได้ผลถาวร หากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงค่าสายตามาก หรือ ไม่เกิดความเสื่อมต่างๆ เช่น การเกิดภาวะสายตายาวตามอายุ ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการใส่แว่นตาอ่านหนังสือ เป็นต้น
ดังที่ได้กล่าวไปข้างต้น การทำ ReLEx SMILE คือ เทคโนโลยีการผ่าตัดแก้ไขปัญหาสายตา ที่เปลี่ยนจากการผ่าตัดแบบใบมีด มาเป็นการผ่าตัดแบบไร้ใบมีดหรือใช้แสงเลเซอร์ ซึ่งเป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่สามารถลดภาวะแทรกซ้อน และระยะการพักฟื้นได้ เนื่องจากขนาดแผลเล็ก อีกทั้งระยะเวลาที่ใช้ในการผ่าตัด มีความรวดเร็ว ผู้เข้ารับการรักษาสามารถใช้บริการได้โดยไม่รู้สึกเจ็บ
หากคุณสนใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดแบบ ReLEx SMILE กับ โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ สามารถติดต่อเข้ารับคำปรึกษาได้ที่ Line@samitivejchinatown หรือเบอร์ 02-118-7893 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง