Hospital Hotline

02-118-7893

  เปลี่ยนภาษา
English ภาษาไทย 中文(简体)

บทความสุขภาพ

คู่มือแนะนำวิธีกักตัว 14 วัน อยู่บ้าน ต้านเชื้อ อย่างไรให้ปลอดภัย

กักตัว 14 วัน

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังเป็นปัญหาที่ทุกคนในสังคนยังคงต้องเผชิญอยู่ โดยเชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อสู่คนได้โดยการหายใจเอาละอองฝอยน้ำมูกหรือน้ำลายของผู้ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านการพูดคุย จาม หรือไอ หรือติดจากมือที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสโควิด-19 จากพื้นผิวในสภาพแวดล้อม ผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นโดยที่จะมีอาการหรือไม่มีอาการป่วยก็ได้ 


การกักตัว 14 วัน จึงจำเป็นสำหรับผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง เนื่องจากระยะฟักตัวของโรค หรือระยะเวลาหลังจากที่รับเชื้อแล้วแสดงอาการหรือตรวจพบเชื้อมีระยะประมาณ 2-14 วัน ควรกักตัวครบ 14 วันนับจากวันสุดท้ายที่ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เพื่อลดโอกาสการแพร่กระจายโรคโควิด-19 สู่ผู้อื่นในสังคม

สารบัญบทความ
 


การกักตัว 14 วัน อยู่บ้าน ต้านเชื้อ

ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 การกักตัว 14 วัน ถึงแม้ไม่มีอาการเป็นเรื่องจำเป็น เพราะถึงแม้ไม่มีอาการป่วย เช่น มีน้ำมูก ไอ จาม ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีเชื้อโควิด-19 อยู่ในร่างกาย จึงต้องกักตัว 14 วัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค โดยเหตุผลที่ต้องกักตัว Self-quarantine อยู่บ้าน 14 วัน เนื่องจากระยะฟักตัวของโรคโควิด-19 อยู่ที่ 2-14 วัน
 

ระยะฟักตัวของเชื้อโควิด-19

ระยะฟักตัวของเชื้อโควิด-19

จากข้อมูลของกรมควบคุมโรค โดยทั่วไปแล้วระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะอยู่ที่ 2-14 วันหลังรับเชื้อ และแสดงอาการหลังจาก 11-12 วัน ช่วง 1-2 วันก่อนมีอาการและช่วง 2-3 วันหลังเริ่มมีอาการคือช่วงที่สามารถกระจายเชื้อได้มากที่สุด ผู้ป่วย 1 คน สามารถแพร่กระจายเชื้อสู่ผู้อื่นได้ 2-4 คน จึงควรกักตัว 14 วัน เพื่อลดการแพร่

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ออกเป็นหลายสายพันธุ์ ซึ่งโควิดแต่ละสายพันธุ์มีระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยแตกต่างกันไป ดังนี้
 

1. สายพันธ์ุดั้งเดิม ระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยของเชื้ออยู่ที่ 5-6 วัน

2. สายพันธุ์เดลต้า ระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยของเชื้ออยู่ที่ 4 วัน

3. สายพันธุ์โอมิครอน ระยะฟักตัวโดยเฉลี่ยของเชื้ออยู่ที่ 3 วัน

จะเห็นได้ว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน มีระยะฟักตัวที่สั้นที่สุด ส่งผลให้มีการแพร่เชื้อที่เร็วขึ้น และกระจายเชื้อได้ในวงที่กว้างขึ้น ทำให้การควบคุมโรคและการตรวจรักษาโรคลำบากกว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์อื่นๆ ที่มีระยะฟักตัวสั้นกว่า


กลุ่มเสี่ยงที่ควรเข้ารับการกักตัว 14 วัน

กลุ่มเสี่ยงที่ควรเข้ารับการกักตัว

กรมควบคุมโรค แบ่งระดับความเสี่ยงต่อการติดโรคของผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็น 3 ระดับ ดังนี้

 

1. ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง

ผู้ที่ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยตลอดช่วงเวลาที่การสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ โดยแบ่งออกเป็น
 

  • ผู้ที่พักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันและใช้ของร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ
  • ผู้ที่อยู่ใกล้มีมีการพูดคุยกับผู้ติดเชื้อในระยะ 2 เมตรเป็นเวลาเกินกว่า 5 นาที หรือโดนผู้ติดเชื้อจามหรือไอใส่โดยตรง
  • ผู้ที่อยู่ในห้องปิด บริเวณที่ปิด ไม่มีอากาศถ่ายเท เช่น ห้องปรับอากาศ รถปรับอากาศ ร่วมกับผู้ติดเชื้อเป็นระยะเวลามากกว่า 30 นาที

กล่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจะต้องกักตัว 14 วัน และตรวจ ATK ด้วยตนเองอย่างน้อยสองครั้ง ควรตรวจในวันที่ 5 และ 10 นับจากวันที่สัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด-19  ในกรณีที่มีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยตัว ควรตรวจ ATK ในทันที
 

2. ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ

กลุ่มผู้เสี่ยงต่ำ คือกลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ไม่เข้าเกณ์ผู้เสี่ยงสูง กลุ่มผู้เสี่ยงต่ำ ไม่ต้องกักตัว สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ แต่ควรหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในพื้นที่แออัด สวมหน้ากากอนามัย และควรสังเกตอาการตนเองจนครบ 14 วัน 
 

3. ผู้ไม่มีความเสี่ยง

กลุ่มผู้ไม่มีความเสี่ยง คือกลุ่มผู้ใกล้ชิดกับผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จัดเป็นผู้ไม่มีความเสี่ยง แต่ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือให้เป็นประจำเพื่อป้องกันตัวเองจากโรคโควิด-19


คำแนะนำสำหรับวิธีกักตัว 14 วัน


คำแนะนำสำหรับวิธีกักตัว

ขั้นตอนการกักตัว 14 วัน วิธีกักตัว 14 วัน Home Isolation ให้ปลอดภัย แนะนำให้ปฏิบัติดังนี้
 

1. อยู่บ้าน ไม่ออกไปข้างนอก หรือไปยังสถานที่แออัด 

2. หากอยู่บ้านร่วมกับผู้อื่น ให้แยกตัวออกมาจากผู้อื่น นอนห้องนอนเดี่ยว

3. เปิดหน้าต่างห้องเพื่อให้อากาศถ่ายเท

4. ควรเว้นระยะห่างจากผู้อื่นในบ้านอย่างน้อย 2  เมตร

5. สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

6. ดื่มน้ำ 1.5-2 ลิตร ต่อวัน

7. ล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือ ด้วยน้ำและสบู่อย่างน้อย 20 วินาที

8. ทำความสะอาดบริเวณที่พัก เช่น เตียง โต๊ะ ห้องน้ำ ของใช้ส่วนตัว

9. รับประทานอาหารแยกจากผู้อื่น

10. แยกทิ้งขยะปนเปื้อนเชื้อ เช่น ทิชชู่หรือกระดาษชำระ

11. ทิ้งหน้ากากอนามัยที่ใช้แล้วด้วยถุงพลาสติก ปิดปากถุงให้มิดชิด

12. หากมีอาการไข้หรือปวดหัว ให้ทานยาพาราเซตามอล ทุก 4-6 ชั่วโมง

13. แยกของใช้ส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ช้อนส้อม จานชาม ผ้าเช็ดตัว

14. ควรใช้ห้องน้ำแยกจากผู้อื่นในบ้าน หากไม่สามารถแยกได้ ควรใช้เป็นคนสุดท้ายและทำความสะอาดหลังใช้ให้เรียบร้อย

15. พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

16. หากิจกรรมที่สามารถทำได้ในบ้าน เพื่อความผ่อนคลาย ให้การกักตัว 14 วันที่บ้าน ไม่เครียด

วิธีสังเกตอาการในช่วงกักตัว 14 วัน

วิธีสังเกตอาการในช่วงกักตัว

ในช่วงระหว่างการกักตัว 14 วัน ควรหมั่นสังเกตอาการของตัวเองดังนี้

 

1. อาการไข้สูง

มีอาการไข้สูง วัดอุณหภูมิร่างกายได้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส มีอาการตัวร้อนตัวหนาว มีอาการหน้ามืดวิงเวียน
 

2. อาการทางระบบทางเดินหายใจ

มีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส หายใจไม่สะดวก หายใจลำบาก หายใจเร็ว หอบเหนื่อย แน่นหน้าอก
 

3. อาการทางร่างกาย

มีอาการปวดเมื่อยตามตัว ท้องเสีย ถ่ายเหลว หรือมีผื่นแดงโควิดขึ้นตามร่างกาย

หากมีอาการตามข้อใดข้อหนึ่ง หรือมากกว่าหนึ่งข้อตามที่กล่าวไปข้างต้น กักตัวครบ 14 วันแล้วมีไข้ ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการเพิ่มเติม ควรไปเดินทางไปพบแพทย์ด้วยรถยนต์ส่วนตัว สวมหน้ากากอนามัยตลอดการเดินทางทั้งผู้ป่วยและผู้ร่วมเดินทาง หากเดินทางโดยรถยนต์ให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อถ่ายเทอากาศเสมอ


แนวทางกักตัว 14 วันอย่างไรให้ไม่เครียด

การกักตัว 14 วันที่บ้าน ไม่ได้พบเจอกับบุคคลภายนอกหรือคนที่ตัวเองรัก อาจทำให้ผู้ที่ต้องกักตัว Home Isolation เกิดอาการเบื่อหน่าย หรืออาจทำให้มีความเครียดสะสมจนถึงขึ้นสุขภาพจิตตก ซึมเศร้าขึ้นมาได้ จึงมีแนวทางกักตัวให้ไม่เครียด ดังต่อไปนี้
 

1. การพักผ่อนเป็นหัวใจสำคัญ

ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เป็นเวลา เปิดม่านเพื่อรับแสงแดด ทำให้ร่างกายรับรู้นาฬิกาชีวิตในประจำวัน หากใกล้เวลานอนแล้วไม่สามารถนอนให้หลับได้ สามารถออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายออกกำลัง ทำให้หลับง่ายขึ้น
 

2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ลดการรับประทานไขมันแปรรูป ไขมันทรานส์ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ควรรับประทานอาหารหรือขนมจุกจิกในระหว่างมื้อ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการนอน ทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ
 

3. ออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรง

ควรจัดตารางออกกำลังอย่างน้อย 30-60 นาทีต่อวัน เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค หากต้องนั่งหน้าจอทำงานหรือเรียนออนไลน์ตลอดทั้งวัน แนะนำให้ลุกเดิน ยืดตัว หรือเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 30 นาที ไม่นั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานจนเกินไป
 

4. จัดการกับความเครียด

ผ่อนผลายความเครียดในแบบที่ตัวเองชอบ เช่น หางานอดิเรกที่ตัวเองชอบทำ เพื่อไม่ให้ตัวเองเครียดจนเกินไป หรือสามารถฝึกสมาธิ ทำโยคะเพื่อช่วยในการผ่อนคลายได้ การติดต่อกับครอบครัวและเพื่อนอย่างสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มกำลังใจระหว่างกักตัว 14 วัน
 

5. หมั่นดูแลสุขอนามัยพื้นฐาน

ทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวของตัวเองอยู่เสมอ รักษาความสะอาดของห้องที่อยู่อาศัย หมั่นล้างมือด้วยสบู่และเจลแอลกอฮอล์ สวมหน้ากากอนามัยเสมอหากจำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น 


เมื่อกักตัวครบ 14 วัน ทำอย่างไรต่อ


หากกักตัว 14 วันแล้วพบว่ามีอาการ

หลังจากกักตัวครบ 14 วัน แล้วพบว่ามีอาการไข้สูง ไอมาก เหนื่อยหอบ แน่นหน้าอก ให้รีบติดต่อแพทย์หรือสถานพยาบาล หรือสามารถโทรปรึกษาสายด่วนกรมควบคุมโรคได้ที่เบอร์ 1422
 

กักตัวครบ 14 วันแล้วไม่มีอาการ

หากกักตัว 14 วัน แล้วไม่มีอาการ สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ แต่ต้องปฏิบัติตัวตามมาตรการ New Normal คือ ต้องสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยสบู่และเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่างกับคนในสังคม เพื่อป้องกันการติดเชื้อของโรคโควิด-19 ต่อไป


คำถามที่พบบ่อย

กักตัวไม่ครบ 14 วันได้ไหม

ควรกักตัวจนครบ 14 วัน เนื่องจากระยะแพร่เชื้อของโรคอยู่ระหว่างช่วง 2-14 วันหลังสัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อ
 

กักตัว 14 วัน ออกไปข้างนอกได้ไหม

หากกักตัวไม่ครบ 14 วัน ไม่ควรออกนอกสถานที่พักของตน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อโควิด-19 สู่ผู้อื่น
 

กักตัวครบ 14 วันแล้วแพร่เชื้อได้ไหม

ผู้ป่วยที่ออกจากโรงพยาบาลหลังเข้ารับการรักษาครบ 14 วัน หรือกลับมากักตัวที่บ้านจนครบ 14 วัน จัดเป็นผู้พ้นระยะการแพร่เชื้อ
 

กักตัวครบ 14 วันแล้วต้องไปตรวจไหม

ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจโควิด-19 แต่สามารถตรวจ ATK ด้วยตนเองเพื่อยืนยันว่าไม่ติดเชื้อได้ ทั้งนี้ ควรสังเกตอาการตัวเองว่ามีอาการลองโควิดหรือไม่


ข้อสรุป

การกักตัว 14 วัน เป็นหนึ่งในมาตรการที่จะช่วยในการควบคุมไม่ให้ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดไปสู่ผู้อื่นในสังคมเป็นวงกว้าง ผู้ที่ทำการกักตัว 14 วันควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค เพื่อให้ทั้งตัวเองและผู้คนรอบตัวปลอดภัย โดยไม่ควรที่จะละเลยสุขภาพจิตของตัวเองในขณะกักตัว 14 วันด้วย

หากผู้ป่วยมีอาการไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย หรือมีอาการซึมเศร้าในระหว่างการกักตัว 14 วัน สามารถปรึกษากับทีมแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ด้ที่ Line@samitivejchinatown หรือเบอร์ 02-118-7893 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
 

แอดไลน์ สมิติเวช ไชน่าทาวน์
 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม