Hospital Hotline

02-118-7893

  เปลี่ยนภาษา
English ภาษาไทย 中文(简体)

บทความสุขภาพ

วิธีดูแลเมื่อลูกติดโควิด หากเด็กติดเชื้อโควิด-19 ต้องรับมืออย่างไร?

เด็กติดโควิด

ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อโอมิคอน ณ ตอนนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในเด็กจากทั่วโลกได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และถึงแม้ว่าการที่เด็กติดโควิดส่วนใหญ่กว่า 90% จะมีอาการไม่รุนแรง แต่ก็ยังมีบางกลุ่มที่มีอาการรุนแรงและต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เหตุนี้จึงทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนค่อนข้างจะมีความกังวลใจ และเริ่มหาข้อมูลวิธีดูแลและรับมือต้องทำอย่างไร ถ้าหากลูกติดโควิด-19 เพื่อเป็นการป้องกันความรุนแรง

บทความนี้จะช่วยผู้ปกครอง หรือผู้ที่มีเด็กเล็กอาศัยอยู่ในบ้านมาเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถ้าหากลูกหลานและเด็กติดโควิด-19 ต้องรับมืออย่างไร วิธีรักษาโควิดในเด็กเล็ก ควรกินยาอะไร อาการเด็กติดโควิดมักจะมีอาการอย่างไร อาการ Mis-C ภาวะลองโควิดในเด็ก พร้อมทั้งแนวทางป้องกันให้ลูกหลานของคุณห่างไกลจากเชื้อโควิด-19 


สารบัญบทความ
 


เด็กติดโควิด

ลูกติดโควิด

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พบว่ามีเด็กติดโควิด-19 มากขึ้น ประมาณร้อยละ 13 ของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิดทั้งหมด โดยส่วนใหญ่สาเหตุที่เด็กติดโควิดมักมาจากการสัมผัสและใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยไม่มีการป้องกัน ไม่สวมหน้ากาก ไม่เว้นระยะห่าง และไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายอย่างเหมาะสม ทำให้ติดเชื้อ SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโรคโควิดในเด็กในที่สุด 

และถึงแม้ว่าโรคโควิดในเด็กมักจะไม่ค่อยพบความรุนแรงที่น่าเป็นกังวล แต่ยังคงมีผู้ป่วยเด็กบางกลุ่มที่จำเป็นต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ถ้าหากติดเชื้อโควิด ได้แก่ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคพันธุกรรมเมตาบอลิก และเด็กที่มีภาวะอ้วน เป็นต้น 
 

เด็กเล็กติดโควิด

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ลูกๆ ติดโควิด-19 และมีอายุต่ำกว่า 1 ขวบ นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่ากังวลและอาการโควิดในทารกมักจะมีอาการของโรคมากกว่าเด็กโตที่ติดโควิด เพราะร่างกายและระบบภูมิคุ้มกันในเด็กเล็กยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ และช่องทางเดินหายใจมีขนาดเล็กกว่าเด็กโต โดยอาการเด็กติดโควิดส่วนใหญ่มักจะมีอาการคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ในเด็ก


อาการโควิดในเด็ก

อาการโควิดในเด็ก

เด็กติดโควิดส่วนใหญ่มักแสดงอาการเจ็บป่วยที่หลากหลาย แตกต่างกันไปตามแต่ละคน โดยส่วนใหญ่อาการโควิดในเด็กจะมีอาการไม่ค่อยรุนแรงนัก หรือ มีอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ สำหรับบ้านไหนที่มีเด็กอาศัยอยู่ในบ้านสามารถสังเกตดังต่อไปนี้ว่าลูกติดโควิดหรือไม่
 

  • ตัวร้อน มีไข้สูง
     
  • ปวดศีรษะ
     
  • ไอแห้ง เจ็บคอ
     
  • คัดจมูก น้ำมูกไหล
     
  • อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย
     
  • ไม่ได้กลิ่น หรือ ลิ้นไม่รับรส
     
  • คลื่นไส้ อาเจียน
     
  • ปวดท้อง ถ่ายเหลว 

ทั้งนี้ในกรณีเด็กติดโควิดที่มีอาการรุนแรงอาจจะมีอาการแน่นหน้าอก กระสับกระส่าย หายใจลำบาก ไม่สามารถดื่มนมหรือกินอาหารได้ หรือ มีอาการเขียวตามร่างกาย โดยระยะฟักเชื้อในเด็กติดโควิดมักใช้เวลาประมาณ 14 วัน และ มักมีอาการของโรค 4-5 วันหลังจากได้รับเชื้อ ถ้าหากมีอาการที่กล่าวไปข้างต้นควรตรวจ ATK และรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและเข้ารับการรักษาทันที 


หากเด็กติดโควิด ผู้ปกครองควรทำอย่างไร

ลูกติดโควิด ควรทำยังไง

สิ่งที่ต้องทำเมื่อรู้ว่าลูกติดโควิดมีค่อนข้างหลายอย่าง ทั้งนี้ในกรณีที่ตรวจ ATK แล้วพบว่าเด็กติดโควิดสามารถปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้ ได้แก่  
 

  • สำหรับเด็กติดโควิดพร้อมกับผู้ปกครอง ควรเลือกโรงพยาบาล สถานพยาบาล หรือสถานที่กักตัวที่เน้นจัดอยู่เป็นครอบครัว ไม่แนะนำให้แย่งเด็กออกจากผู้ปกครอง 
     
  • สำหรับเด็กติดโควิด แต่ผู้ปกครองไม่ติดเชื้อ จำเป็นให้เด็กเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือ สถานที่กักตัว โดยใช้ระยะเวลากักตัว 14 วัน ในกรณีโควิดในเด็กค่อนข้างละเอียดอ่อนและอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพติดใจ
    ของเด็ก จึงแนะนำให้มีผู้ปกครองเฝ้าไข้ เพื่อให้เด็กรู้สึกปลอดภัย โดยมีข้อกำหนดว่าผู้เฝ้าต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง อายุไม่เกิน 60 ปี และไม่มีโรคประจำตัว

     
  • สำหรับเด็กไม่ติดโควิด แต่ผู้ปกครองติดโควิด ควรให้ญาติที่ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเป็นผู้ดูแลเด็ก หรือถ้าไม่มีคนดูแลควรส่งเด็กไปยังบ้านในสังกัดกระทรวงหรือสถานสงเคราะห์ชั่วคราว 
     
  • สำหรับถ้าหากเกิดการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มภายในโรงเรียน ควรพิจารณาใช้พื้นที่ของโรงเรียนเป็นโรงพยาบาลสนามเฉพาะกิจ ทั้งนี้จำเป็นต้องดูความเหมาะสมของสถานที่และบุคลากรด้วย  

การดูแลเมื่อเด็กติดโควิด

สำหรับการติดโควิดในเด็ก สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของอาการที่แสดงออกเป็น 2 แบบหลักๆ ได้แก่ 
 

  • ระดับที่ 1 เด็กติดโควิดในระยะนี้มักจะมีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาตัวและกักตัวที่บ้านได้ เช่น มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย ถ่ายเหลว และยังคงกินอาหารและดื่มนมได้ตามปกติ 
     
  • ระดับที่ 2 เด็กติดโควิดในระยะนี้จะมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูงกว่า 38.5 องศาเซสเซียล มีอาหารหอบเหนื่อย หายใจลำบากใช้แรงในการหายใจมากกว่าปกติ อกบุ๋ม ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% งอแง และไม่อยากอาหารและดื่มนม หากมีอาการต่อไปนี้ผู้ปกครองควรรีบติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อนำลูกหลานของคุณส่งตัวไปที่โรงพยาบาลโดยด่วน 

ทั้งนี้สำหรับผู้ปกครองคนไหนที่ลูกติดโควิด ในระดับที่ 1 สามารถรักษาโรคโควิดในเด็กได้ตามอาการ เช่น
 

  • ทานยาลดไข้ เช็ดตัวเป็นระยะๆ เมื่อมีไข้ 
     
  • ทานยาละลายเสมหะ และลดน้ำมูก เมื่อมีอาการไอหรือมีน้ำมูก
     
  • ในเด็กโตถ้าหากมีน้ำมูก สามารถล้างจมูกด้วยน้ำเกลือได้ 

นอกจากนี้ควรมีอุปกรณ์ที่ใช้ติดตามอาการและบรรเทาอาการในกรณีที่เด็กติดโควิดที่บ้าน ได้แก่ 
 

  • ปรอทวัดไข้ 
     
  • เครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว 
     
  • ยาบรรเทาอาการตามอาการที่แสดงออก หรือ ยาสามัญประจำบ้าน 
     
  • อุปกรณ์ที่สามารถใช้บันทึกภาพถ่ายอาการต่างๆ ได้ 

วิธีรักษาโรคโควิดในเด็ก กินยาอะไร

ยาน้ำรักษาโควิด เด็ก

เป็นโควิดกินยาอะไร ? ในกรณีที่เด็กติดโควิดและอยู่ในขณะรอเจ้าหน้าที่และโรงพยาบาลติดต่อกลับมา หรือ รอทางโรงพยาบาลส่งยามาให้ ผู้ปกครองสามารถให้เด็กทานยาเพื่อบรรเทาอาการของโรคได้ 
 

  • ถ้าหากเด็กติดโควิดแล้วมีอาการไอและมีเสมหะ สามารถทานยาแก้ไอเด็กละลายเสมหะได้ ได้แก่ Carbocysteine 100mg / 5ml โดยเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ให้ทานยาในปริมาณ 1 ช้อนชา วันละ 1-2 ครั้ง และเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ให้ทานยาในปริมาณ 1 ช้อนชา 3 เวลา 
     
  • ถ้าหากเด็กติดโควิดแล้วอาเจียน  สามารถทานยาแก้อาเจียนได้  ได้แก่ Domperidone 5mg / 5ml โดยที่เด็กที่มีน้ำหนัก 10 กิโลกรัม ให้กินยาในปริมาณ 2.5 ml และกินยาวันละ 3 ครั้ง 
     
  • ถ้าหากเด็กติดโควิดแล้วมีอาการคัดจมูก หายใจลำบาก สามารถใช้ยาลดอาการคัดจมูก oxymetazoline ได้แก่ iliadin 0.025 หยดลงในจมูกทั้งสองข้างทุก 8 ชั่วโมง และไม่ควรใช้ยาติดต่อเป็นระยะเวลาเกิน 5 วัน 
     
  • ถ้าลูกติดโควิดแล้วมีน้ำมูก หากมีอายุมากกว่า 2 ขวบ สามารถใช้ยาลดน้ำมูกเด็ก หรือ ยา CPM 2mg / 5ml โดยเด็กที่อายุ 2-6 ปี ให้ทานในปริมาณ ½ ช้อนชา วันละ 3 เวลา และ เด็กที่อายุ 6-12 ปี ให้ทานยาในปริมาณ 1 ช้อนชา วันละ 3 เวลา 
     
  • ถ้าลูกติดโควิดแล้วมีไข้ สามารถทานยาลดไข้เด็กพาราเซตามอล 10-15 mg เพื่อบรรเทาอาการได้ โดยเด็กที่มีน้ำหนักตัว 10 กิโลกรัม ให้ทานพาราเซตามอลแบบ 60 mg/0.6 ml กินครั้งละ 1 ml ทุก 4-6 ชั่วโมง และไม่ควรใช้ยาติดต่อเป็นระยะเวลาเกิน 5 วัน 
     
  • ถ้าลูกติดโควิดแล้วมีอาการถ่ายเหลว แนะนำให้จิบเกลือแร่ ORS เรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน 

อาการเสี่ยงที่อาจเกิดเมื่อเด็กติดโควิด

อาการเสี่ยงที่อาจจะเกิดในขณะที่ติดโควิด

แม้จะมีรายงานว่า 90% ของเด็กติดโควิดส่วนใหญ่มักจะมีอาการไม่รุนแรง หรือ บางรายแทบจะไม่มีอาการ แต่ยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดกับเด็กที่ติดโควิด ได้แก่ 
 

  • เชื้ออาจจะลงปอด ทำให้เกิดอาการร้ายแรง จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ 
     
  • สำหรับเด็กที่ติดโควิดอาจจะได้รับผลกระทบต่อพัฒนาการและสภาพจิตใจของเด็ก เพราะต้องจำเป็นต้องกักตัวในระยะเวลานาน 
     
  • ในประเทศไทยพบว่าเด็กติดโควิดประมาณ 20-25 ราย ในเดือนสิงหาคม 2564 เกิดภาวะ Mis-C หรือภาวะลองโควิดในเด็ก ที่มีอาการคล้ายโรคคาวาซากิ 

รู้จัก Mis-C อาการลองโควิดในเด็ก

ภาวะลองโควิดในเด็ก หรือ ภาวะ Mis-C (Multisystem Inflammatory Syndrome in Children) เป็นภาวะที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กที่เคยติดโควิดมาก่อน ซึ่งภาวะ Mis-C เป็นภาวะลองโควิดที่พบในเด็กประมาณร้อยละ 25-45 โดยมักมีอาการอักเสบตั้งแต่ 2 ระบบทั่วร่างกาย มีอาการคล้ายกับโรคคาวาซากิ (Kawasaki Disease) ได้แก่ 
 

  • ไข้สูง นานเกิน 24 ชั่วโมง
     
  • แน่นหน้าอก ใจสั่น
     
  • ต่อมน้ำเหลืองโต
     
  • ความดันต่ำ
     
  • ผื่นแดงโควิดขึ้นตามลำตัว แขน ขา หน้าอก และแผ่นหลัง
     
  • หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ปอดอักเสบ
     
  • คลื่นไส้ อาเจียน
     
  • ถ่ายอุจจาระเหลว 

ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมเด็กติดโควิดจึงเกิดภาวะ Mis-C แต่ในวงการแพทย์คาดว่าภาวะลองโควิดในเด็กอาจจะเกิดชิ้นส่วนของเชื้อโควิดในเด็ก ที่ส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย จนทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบต่างๆ โดยส่วนใหญ่แพทย์มักจะรักษาเด็กที่มีภาวะ Mis-C ด้วยวิธีรักษาแบบประคับประคองอาการ และใช้กลุ่มยาต้านการอักเสบ 

แม้ว่าภาวะ Mis-C จะเป็นภาวะที่พบได้น้อย แต่ผู้ปกครองจำเป็นต้องเฝ้าระวังและสังเกตอาการลูกหลานของคุณที่เคยติดโควิดมาก่อนให้ดี เพราะภาวะ Mis-C หรือ ภาวะลองโควิดในเด็กอาจจะมีความรุนแรงอาจจะอันตรายร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ 

สามารถอ่านข้อมูลกับ ภาวะมิสซี (Mis-C) อาการลองโควิดในเด็กที่พ่อแม่ไม่ควรละเลย เพิ่มเติมได้ที่นี่ 


แนวทางการป้องกันโรคโควิดในเด็ก

แนวทางป้องกันโควิดในเด็ก

หลังจากที่ยอดการติดโควิดในเด็กเพิ่มมากขึ้น องค์กรอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้แนะนำวิธีและแนวทางในการป้องกันไม่ให้เด็กติดโควิด และป้องกันการแพร่เชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโควิด-19 ดังนี้ 
 

1. การดูแลรักษาความสะอาดอยู่เสมอ

แนะนำให้ผู้ปกครองสอนวิธีล้างมือที่ถูกต้องตามมาตรฐาน 7 ขั้นตอน หลีกเลี่ยงการเอามือสัมผัสบริเวณตา จมูก ปาก และปฏิบัติตัวให้ถูกสุขลักษณะ เช่น ถ้าหากเด็กๆ จามต้องปิดปากและปิดจมูกด้วยกระดาษทิชชู่ หรือ มือปิดไว้ และเอาทิชชู่ไปสิ่งในถังขยะพร้อมทั้งล้างมือให้สะอาด 
 

2. การเว้นระยะห่าง

สำหรับการเว้นระยะห่างของเด็กที่ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 เด็กๆ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับบุคคลอื่นในระยะห่าง 6 ฟุต หรือ 1 เมตร และในกรณีที่มีเพื่อนในวัยเดียวกันมาเล่นที่บ้านแนะนำให้เล่นกันนอกบ้านบ้าน และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้ของเล่นหรืออุปกรณ์ร่วมกัน 
 

3. การฆ่าเชื้อและทำความสะอาดบ้าน

ในกรณีที่มีเด็กติดโควิดกักตัวอยู่ในบ้าน หรือ อยู่ร่วมกับคนติดโควิด ผู้ปกครองควรล้างมือด้วยสบู่กับน้ำสะอาด หรือ แอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ที่สูงกว่า 70% ทุกครั้งหลังจากจับสิ่งของและของเล่นที่เด็กใช้ รวมไปถึงการสัมผัสตัวเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือผ้าปู และควรเว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ 
 

4. การป้องกันด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย

สำหรับเด็กที่อายุมากกว่า 2 ขวบขึ้นไป แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน หรือไปในที่สาธารณะ แต่สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ หรือ ยังไม่สามารถถอดหน้ากากอนามัยด้วยตนเอง ไม่แนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย เพราะระบบทางเดินหายใจของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ การสวมหน้ากากอนามัยอาจจะทำให้ขาดออกซิเจนและเป็นอันตรายได้ 

ในกรณีที่มีเด็กเล็กภายในบ้านผู้ปกครองอาจจะใช้การเว้นระยะห่างอย่างต่ำ 2 เมตร หรือ ใช้ผ้าคลุมรถเข็นที่มีเด็กอยู่ข้างในแทน 
 

5. การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในเด็ก

ในปัจจุบันวัคซีนในเด็กอายุที่ต่ำกว่า 5 ขวบ ยังอยู่ในระหว่างกระบวนการศึกษา โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในปี 2565 ทำให้ ณ ตอนนี้มีเพียงวัคซีนสำหรับผู้ใหญ่ วัยรุ่น และเด็กโตที่มีอายุตั้งแต่ 5-11 ปีขึ้นไป แต่ผู้ปกครองไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลไปลูกจะติดโควิด เพราะวัคซีนสำหรับเด็กๆ สามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กๆ มีร่างกายแข็งแรง สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้ เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ และวัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ Hib เป็นต้น 


ข้อสรุป

โควิดในเด็กเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ถ้าหากเด็กติดโควิดแนะนำให้ผู้ปกครองประเมินอาการเบื้องต้นว่าอาการเด็กติดโควิดรุนแรงหรือไม่ ถ้าหากไม่รุนแรงอาจจะเป็นการรักษาด้วยการทานยาตามอาการ แต่ถ้าหาลูกติดโควิดมีอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง หอบหืด หายใจลำบาก อกบุ๋ม ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 95% งอแง และไม่อยากอาหารและดื่มนม แนะนำให้ผู้ปกครองรีบติดต่อโรงพยาบาลทันที เพื่อส่งตัวเด็กไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาให้ทันท่วงที 

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเด็กติดโควิด โควิดในเด็กความแตกต่างของอาการแต่ละสายพันธุ์ สนใจโปรแกรมตรวจสุขภาพหลังเป็นโควิด หรือโปรแกรมรับวิตามินหลังติดโควิด สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับทีมแพทย์โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์ได้ที่ Line @samitivejchinatown หรือเบอร์ 02-118-7893 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง


 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม